ข้าวโพด
ข้าวโพดที่มีถิ่นกำเนิดมาจากอเมริกา แต่ปัจจุบันนี้เขตเมืองร้อนก็นิยมปลูกกัน สรรพคุณทางยาของข้าวโพดนั้นมีหลายอย่าง ตั้งแต่เมล็ดข้าวโพด ที่ช่วยบำรุงปอด หัวใจ กระเพาะอาหาร และช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร แม้กระทั่ง ซังข้าวโพดก็ช่วยแก้อาการท้องร่วง และโรคบิดได้ด้วย

กระชาย
กระชายเป็นพืชสมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อนแฝงขม ช่วยดับกลิ่นคาวในอาหารและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากเพราะเป็นแหล่งรวมธาตุต่างๆเช่นเกลือแร่ แป้ง ไขมัน แคลเซียม เหง้าของกระชายมีน้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ช่วยขับลม มีสรรพคุณในการแก้ปวดมวนท้อง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสียด และนอกจากนี้ก็ยังเป็นยาบำรุงกำลังอีกด้วย

ตำลึง
ตำลึงเป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกได้ง่ายมาก และก็ยังเป็นพืชที่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์อีกหลายอย่าง เช่น แคลเซียม วิตามินเอ คาร์โบไฮเดรต คุณสมบัติพิเศษของตำลึงอีกอย่างหนึ่งก็คือ สามารถรักษาอาการแพ้จากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ โดยนำใบตำลึงสดๆมาล้างให้สะอาด นำมาตำให้ละเอียดเติมน้ำนิดหน่อย แล้วคั้นน้ำมาทาผิวที่แพ้เป็นผื่นคัน อาการคันนั้นก็จะหายได้

กวางตุ้ง
ผักกวางตุ้งเป็นผักที่เรามักรับประทานกับเกี้ยวหรือก๋วยเตี๋ยว ผักกวางตุ้งปลูกง่าย และมีแร่ธาตุสำคัญหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามินเอ หรือแคลเซียม กวางตุ้งจึงช่วยย่อยอาหารให้สบายท้อง นอกจากนี้ก็ยังเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงไม่เปราะง่าย และยังช่วยร่างกายผลิตเซลล์ใหม่ๆอีกด้วย

กระท้อน
กระท้อนเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอมฝาด ซึ่งนอกจากจะรับประทานสดๆ หรือทำเป็นกระท้อนลอยแก้วแล้ว กระท้อนก็ยังสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้อีกหลายอย่าง ผลของกระท้อนนั้น ถ้าเป็นลูกเล็ก มักจะมีรสฝาดเปรี้ยว ส่วนผลกระท้อนลูกใหญ่ก็มักจะมีเนื้อปุยขาวเหมือนปุยเมฆและมีรสหวานซ่านเปรี้ยว ส่วนสรรพคุณทางยาของกระท้อนก็คือ เป็นยาช่วยระบายถ่ายท้องได้

ขจร
ขจรนั้น แต่เดิมเราเรียกกันว่าสลิด ส่วนสาเหตุที่เปลี่ยนชื่อก็อาจเป็นเพราะว่าดอกขจรมีกลิ่นหอมละมุนละไมขจรไกลมากก็เป็นได้ ขจรเป็นไม้ที่เติบโตง่าย เลี้ยงไว้ดี เพราะนอกจากดอกขจรจะนำมากินเป็นอาหารได้แล้ว รากขจรก็ยังเป็นยาได้อีกด้วย เมื่อคนถูกพิษรับประทานเข้าไป จะอาเจียนออกมา เป็นการถอนพิษ และนอกจากนี้ก็ยังมีสรรพคุณกระตุ้นช่วยทำให้เจริญอาหารอีกด้วย

ขี้เหล็ก
ขี้เหล็กเป็นพืชที่มีรสขม แต่ก็เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่ามากมาย เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และแคลเซียม สำหรับใบและดอกขี้เหล็กมีสารอัลคาลอยด์อยู่ ซึ่งสารตัวนี้มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลางนั้น จะช่วยรักษาอาการตาค้าง อาการนอนไม่หลับได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ ขี้เหล็กก็ยังเป็นยาระบาย ช่วยรักษาอาการท้องผูกได้อีกด้วย

ขิง
ขิงประกอบไปด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามินหลายชนิดรวมถึงน้ำมันหอมระเหย มีฤทธิ์ทำให้ร่างกายอบอุ่น บำรุงกระเพาะ แก้คลื่นไส้อาเจียน และยังช่วยลดคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย ขิงแก่จะมีรสชาดเผ็ดร้อนมากกว่าขิงอ่อน ส่วนขิงสดนั้น เมื่อบดแล้วคั้นเอาแต่น้ำ จะช่วยบรรเทาอาการหวัด คัดจมูกน้ำมูกไหล อาการเจ็บคอและเสมหะก็จะหายไปได้ด้วย

แค
แคเป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่งที่ปลูกได้ง่ายในดินทุกชนิดเลย ส่วนประกอบของแคที่เราคุ้นเคยที่สุดเห็นจะเป็นดอกนั่นเอง เรานิยมนำดอกแคมาปรุงเป็นอาหาร เช่น แกงส้มดอกแค เป็นต้น และนอกจากดอกแคจะสามารถนำมาต้มหรือปรุงอาหารได้แล้ว ดอกแคก็ยังมีสรรพคุณช่วยแก้ไข้หัวลม แก้อาการหนาวๆร้อนๆจากอากาศเปลี่ยนได้ดีอีกด้วย

ถั่วพู
ถั่วพูนั้นเป็นพืชล้มลุก และเป็นพืชที่มีสารอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินซี และ วิตามินอี ถั่วพูฝักอ่อนๆ สีเขียวสดเมื่อนำมารับประทานกับน้ำพริกแล้วก็จะกรอบหวาน รสชาดอร่อยมาก ตำรายาชูกำลังสมัยโบราณบอกไว้ว่า ถั่วพูนั้น ถือเป็นพืชผักที่มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง และบำรุงสุขภาพได้เป็นอย่างดี

พริกขี้หนู
พริกขี้หนูถือเป็นพืชที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน พริกขี้หนูไม่ได้เพียงช่วยชูรสอาหารให้เผ็ดร้อนเท่านั้น พริกขี้หนูยังมีสรรพคุณทางยาไม่แพ้พืชผักอื่นๆเหมือนกัน เม็ดพริกช่วยแก้ คลื่นไส้ อาเจียน แก้โรคบิด สามารถทำให้หลอดเลือดขยายตัวและเลือดไหลเวียนได้ดี นอกจากนี้คนที่เป็นโรคบิด ถ้านำพริกขี้หนูสดสักเม็ดมาเคี้ยวเพียงเท่านี้อาการก็จะทุเลาลงได้

ฟักเขียว
ฟักเขียวเป็นพืชที่มีความเย็น จึงมีสรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนใน เจ็บคอ ตาแฉะ และท้องผูกได้ดี นอกจากนี้ก็ยังช่วยให้ขับถ่ายได้ง่าย ระบายปัสสาวะ และดับอาการกระหายได้อีกด้วย สำหรับใครที่นำฟักเขียวมาปรุงอาหารรับประทานอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งสดใส มีน้ำมีนวล และที่สำคัญก็คือ ฟักเขียวเป็นอาหารที่ไม่ทำให้น้ำหนักขึ้นเลย

ถั่วดำ
ถั่วดำนั้น คนทั่วไปมักจะนำมาปรุงเป็นอาหารหวานมากกว่าอาหารคาว แต่ไม่ว่าจะปรุงเป็นอะไรนั้น ถั่วดำก็มีแร่ธาตุอาหารสำคัญหลายอย่าง ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย ในทางบำรุงเลือด ขับสารพิษ ขับปัสสาวะ ทำให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก และนอกจากนี้คุณสมบัติที่โดดเด่นของถั่วดำก็คือ ช่วยบำรุงผมให้ดกดำ แข็งแรง และไม่หลุดร่วงง่าย

กระเพรา
กระเพราเป็นพืชผักสวนครัวที่ปลูกได้ง่ายมาก ซึ่งส่วนที่นำมาปรุงอาหารได้ก็คือ "ใบ" นั่นเอง ใบกระเพรานั้นทำให้อาหารมีสีและกลิ่นน่ารับประทาน อีกทั้งยังช่วยให้อาหารมีรสร้อนแรงขึ้น นอกจากนี้ตัวยาที่อยู่ใน ใบกระเพรานั้น เป็นน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีฤทธิ์ช่วยขับลม จึงแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้อาการปวดท้องแน่น จุกเสียด อาการคลื่นไส้วิงเวียนได้ดี

สะเดา
สะเดาเป็นพืชที่มีรสขมเป็นอย่างมาก หลายๆคนคุ้นเคยกับใบและดอกของสะเดาเป็นอย่างดี เพราะนิยมนำมาปรุงอาหารกัน สะเดา เหมาะกับคำกล่าวที่ว่า หวานเป็นลม ขมเป็นยามาก เพราะเป็นพืชที่มีสรรพคุณ รักษาได้หลายโรคเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นยาช่วยเจริญอาหาร ยาระบายถ่ายพยาธิ ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน หรือยารักษาไข้ตัวร้อน

กระเทียม
กระเทียมเป็นพืชผักที่มีกลิ่นฉุนเป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นผักมีประโยชน์หลายอย่าง ไม่ว่าจะช่วยทำให้รสชาดของอาหารดีขึ้น ดังจะเห็นได้จากอาหารที่เรารับประทานหลายอย่าง มักจะมีกระเทียมเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้ กระเทียมยังมีผลดีต่อสุขภาพด้วยคือ ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ช่วยลดคลอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งถ้าใครที่รับประทานกระเทียมบ่อยๆ แล้วล่ะก็ จะช่วยไม่ให้เส้นเลือดอุดตันได้

กล้วย
กล้วยเป็นพืชล้มลุกที่ปลูกได้ง่ายดาย ส่วนต่างๆของกล้วยไม่ว่าผล ดอก ใบ จนถึงลำต้น ล้วนสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น สำหรับยาพื้นบ้านที่ทำจากกล้วยก็ใช้รักษาได้หลายโรค อย่างเช่นผลกล้วยดิบๆ นั้นมีสรรพคุณรักษาอาการท้องเสีย อาหารไม่ย่อย หรือเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้ นอกจากนี้ผลกล้วยสุก เมื่อนำมาปิ้งโดยไม่ให้เปลือกไหม้ แล้วรับประทานทั้งเปลือก ก็ยังช่วยแก้ไขอาการท้องผูก หรือริดสีดวงทวารได้

แครอท
แครอทเป็นพืชที่มีสีสันสดใส น่ารับประทาน ดังนั้น หลายๆคนจึงนิยมใช้แครอทไว้ประดับตกแต่งอาหาร แครอทอุดมไปด้วยวิตามินเอซึ่งก็ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยลดความดันเลือด และยังมีสรรพคุณทำให้อายุยืนยาว นอกจากนี้แครอทก็ยังช่วยบำรุงผิวกร้าน ทำให้กลับนุ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยรักษาอาการตาพร่า ตาฟาง ให้กลับสว่างสดใสด้วย


อ้างอิง : http://www.nurse.cmu.ac.th/hf/nutrition1/nine.htm