เด็กๆ สมัยนี้ทุกคนฉลาดและรู้ว่าเหล้า เบียร์ และบุหรี่เป็นสิ่งเสพติดให้โทษ กินดื่มแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ทำไมเด็กๆ และวัยรุ่นอีกหลายคนยังติดเหล้า ติดบุหรี่ หรืออย่างน้อยก็ต้องอยากลิ้มลองรู้รส เป็นเรื่องตลกที่วัยรุ่นทุกคนรู้ว่ารู้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ดี แต่ก็ยังจะลองอยู่ดี มีงานวิจัยที่ไม่น่าเชื่อออกมาว่า วัยรุ่นที่รู้จักดื่มเหล้าหลายคน สามารถดื่มเหล้าได้ไม่รู้สึกผิดอะไร เพราะพ่อแม่เป็นคนแรกที่อนุญาตให้ลิ้มลองแต่ตอนยังเด็กนั่นเอง ด้วยมันกลับขัดกับความคิดผู้ใหญ่หลายคนที่ว่า ถ้าไม่
สอนหรือให้ลูกได้ลองรสชาติเหล้าไว้บ้าง เดี๋ยวจะไปโดนใครเขามอมเอาได้ นอกจากนี้ผู้ใหญ่เองก็ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์กันเป็นปกติในงานสังสรรค์ต่างๆ จึงก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่วัยรุ่นในโรงเรียน

เด็กดีดอทคอม :: ผู้ใหญ่หรือเปล่า? ที่ทำให้เราติดเหล้า/บุหรี่ มัธยมจะหาทางเฉลิมฉลองด้วยเหล้าแบบผู้ใหญ่บ้าง
ในขณะเดียวกันเมื่อโตขึ้นไปเรียนในระดับอุดมศึกษาก็ยังกินดื่มเลี้ยงฉลองต่างๆ ด้วยเครื่องดื่มมึนเมาเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญรูปแบบการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮลล์ในปัจจุบันก็ถูกผสมดัดแปลงจนน่าดื่ม และรสชาติดีไม่ต่างกับน้ำผลไม้ บางทีลูกที่ไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัย หรือเด็กกว่านั้นก็ตามออกไปเที่ยวกับเพื่อน ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเพื่อนเอาเหล้าจำพวกนี้มาให้ดื่ม บทความนี้จึงเขียนขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใหญ่ได้มองอีกมุมหนึ่งของสาเหตุที่ว่าทำไมลูกหลานวัยรุ่นของตนเองติดอบายมุขเหล่านี้ได้

ผู้ใหญ่ทุกคนคงรับรู้ดีว่า โรงเรียน หลักสูตร พ่อแม่ ป้ายรณรงค์ สื่อโฆษณา ฯลฯ ซึ่งก็คือสังคมเรานี่แหละ ได้บอกลูกหลานเราแล้วว่าเหล้า บุหรี่ รวมถึงยาเสพติดต่างๆ เป็นสิ่งที่เลวร้าย ทำลายสุขภาพ เสียเวลา เสียเงินทอง แต่ทำไมวัยรุ่นหลายคนก็ยังติดมัน?
นอกจากเหตุผลว่าอยากลองเอง เพื่อนชักนำ โดนเพื่อนหลอกแล้ว ก็ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ผู้ใหญ่มักไม่คำนึงถึง คือ ผู้ใหญ่ในบ้านนี่แหละที่ดื่มกินให้ลูกเห็น ผู้ใหญ่หลายๆ คนถือว่าการดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ต่างๆ เป็นเรื่องของสังคม มีงานเลี้ยงก็ต้องมีการดื่มกิน บ้างก็ว่าดื่มเป็นครั้งคราวพอเป็นยาให้เลือดไหลเวียนดี หรือกินบ้างย้อมใจยามเหนื่อยล้า เหตุผลที่ถือว่าเป็นข้อเท็จจริงของสังคมผู้ใหญ่นี่แหละค่ะ ที่เป็นเครื่องมือชักนำให้วัยรุ่นเห็นว่าเครื่องดื่มมึนเมาอย่างนี้มีไว้เพื่อความสนุกสนานครื้นเครง และจริงๆ ก็ดื่มได้ ไม่จำเป็นติดหรอก! แต่เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ระมัดระวังกันได้ยากจริงๆ ไม่รู้ว่ากินเท่าไหร่ถึงจะเมา ไม่รู้ว่าเมาแล้วจะเป็นอย่างไร ดีไม่ดีนิสัยเปลี่ยนชวนหาเรื่องคนอื่นจนเกิดทะเลาะวิวาทไปเสียอีก เรียกว่า หากไม่รู้จักยับยั้งช่างใจเท่าที่ควรแล้ว วัยรุ่นก็ติดของเหล่านี้ได้ไม่ต่างจากติดเกมคอมพิวเตอร์ ติดแฟน หรือติดเพื่อนเลย ยิ่งหากมีผู้ใหญ่มาเตือน วัยรุ่นรำคาญมากเข้า ก็ย้อนคำพูดกันไป "ในเมื่อผู้ใหญ่กินได้ไม่เห็นตาย ทำไมเราจะกินบ้างไม่ได้" หรือในลักษณะว่า "พ่อรู้ว่ามันไม่ดี แต่พ่อก็ยังกินนี่หน่า แล้วจะมาสอนผมได้ไง"


สังคมนี่แหละที่เป็นทั้งเครื่องชักนำลูกวัยรุ่น ประกอบกับลักษณะตามวัยของวัยรุ่นเอง ที่อยากลองสิ่งแปลกใหม่ และอยากทำอย่างที่คนอื่นเขาทำ และคนอื่นก็ไม่ใช่ใคร กลายเป็นผู้ใหญ่ใกล้ตัวนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน พ่อแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ หรือในโรงเรียนเป็นครูอาจารย์ และไม่ใช่แค่เรื่องเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์เท่านั้น เรื่องบุหรี่ก็เป็นกรณีเดียวกัน


โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียน จากคำยืนยันของวัยรุ่นหลายๆ คน บอกเลยว่า ห้องน้ำของนักเรียนชาย ต้องมีห้องสำหรับดูดบุหรี่ เด็กมัธยมชายแทบทุกคนต้องเคยลองดูดบุหรี่ และก็ไม่ใช่เด็กผู้ชายเท่านั้นสูบบุหรี่เป็น เด็กนักเรียนหญิงก็สูบบุหรี่เป็นได้ ในอดีตมีกระแสนิยมที่ว่าผู้หญิงสูบบุหรี่เป็น ถือเป็นผู้หญิงเท่ เก่ง และทันสมัย ก็ยังมีปรากฎอยู่ในหนังสือนวนิยายบางเรื่องเลยเสียด้วยซ้ำ ในความคิดของผู้เขียน กรณีผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างในการสูบบุหรี่ยิ่งชัดเจนกว่าการดื่มเหล้าเสียอีก เพราะใครสูบบุหรี่ ก็ต้องสูบเป็นประจำ เรียกว่าติดบุหรี่กันเลย ดังนั้น ถ้าจะมีวัยรุ่นอีกสักคนจะติดบุหรี่เพิ่มขึ้นก็คงไม่แปลก แค่จะมีคนสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งเอง

แน่นอนว่าเรื่องตับของใครจะแข็ง เรื่องถุงลมของใครจะเป็นโป่งพอง หรือปอดของใครจะเป็นมะเร็ง ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคนนั้น แต่คงไม่มีใครปฏิเสธหรอกว่าคนเมาเหล้าจนขาดสติทุกคนจะเป็นปัญหาแก่คนรอบข้าง อย่างน้อยก็ต้องรบกวนแบกหามกันกลับห้อง แต่ถ้าเป็นอย่างมาก...ก็คงไปขับรถชนลูกหลานพ่อแม่คนอื่นเสียชีวิต ในกรณีสูบบุหรี่ อย่างน้อยก็แค่กลิ่นจากปากหรือลมหายใจ อย่างมากก็แค่แถมมะเร็งให้คนข้างๆ ไปด้วย ลองตรองดูเถอะค่ะว่า ผู้ใหญ่อย่างเราได้เป็นอีกคนหนึ่งหรือเปล่าที่ทำให้เรื่องบางเรื่องที่ควรตระหนักถึง กลายเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมไป กฎหมายบ้านเมืองอาจมีข้อผิดที่อนุญาตหรือยกเว้นกันได้ก็จริง แต่บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครอนุญาตถึงจะเริ่มต้นทำให้ถูกต้อง หรืออย่างน้อยที่สุดก็ควรมีเหตุผลที่เหมาะสมในการสอนและแนะนำวัยรุ่นที่จะไม่ถูกย้อนคำนั้นได้


บทความนี้ไม่ได้ต้องการโทษใคร หรือยกให้ผู้ใหญ่ทุกคนกลายเป็นจำเลยของสังคมในฐานที่เป็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมแก่อนาคตของชาติรุ่นต่อไปนะ เพียงแต่ยกอีกเหตุหนึ่งที่เราอาจลืมกันไป แล้วไปโทษว่าเป็นลักษณะของวัยรุ่นที่อยากลองอะไรไปทั่ว หรือเพื่อนไม่ดีพาแย่กันไปหมดอย่างเดียวก็ได้ เมื่อเราสอนสั่งใคร ก็คงไม่อยากให้เขาว่าเราเอาได้ "ว่าแต่เขาอิเหนาทำเอง" แน่นอน

แหล่งข้อมูล, ภาพประกอบ:
คู่มือเด็กอยากบอก พ่อแม่อยากรู้ ครูอยากเข้าใจ โดย สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (E-book)
gotoknow.org/blogs/posts/277420