ซีรี่ส์ ...อำมหิต…อีอยู่ ตอนที่ 1
THE SADISM" part1
สมัยต้นรัชกาลที่ 5
"อีอยู่"
จากบันทึกของนายคาร์ล บอก นักธรรมชาติวิทยาชาวนอร์เวย์ ที่เข้ามายังสยามและได้เห็นการประหารชีวิตอีอยู่ในวันนั้น บอกว่า
“ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งปกติไม่ค่อยเต็มพระทัยในการลงพระปรมาภิไธยในคำสั่งประหารชีวิตนัก มิได้ทรงรีรอเลยสำหรับคดีรายนี้ ”
+++++++++++++++++++++++++
เสียงตะโกนจากนักโทษประหารซึ่งเป็นหญิง
“ ฆ่าฉันเสียเร็วๆ ฆ่าฉันเสียเร็วๆ ”
ขณะที่เพชฌฆาตหกคนยังคงร่ายรำดาบ
ถอยหน้าถอยหลังอยู่เบื้องหลังนักโทษอีกครู่ ก่อนที่เพชฌฆาตมือหนึ่งจะวิ่งเข้าฟันคออย่างแรง จนศีรษะขาด เลือดพุ่งกระฉูด ผู้คนที่มุงดูการประหารจึงค่อยเริ่มแยกย้ายกันกลับไป เสียงพึมพำดังจับความได้ว่า ต่างก็พอใจที่ผู้ตายได้รับกรรมที่กระทำไว้แล้ว แม้แต่ในหมู่ญาติพี่น้องของหล่อนคนที่โดนประหาร
ภาพสมมุติ
คดีนี้ เป็นคดีดังในต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ถูกบันทึกลงในราชกิจจานุเบกษา และมีบันทึกไว้ว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ไม่ทรงรีรอที่จะสั่งประหาร “อีอยู่W
อีอยู่ ชื่อนี้เป็นใคร ไม่ปรากฏว่านางเป็นคนมาจากที่ใด
แต่ปรากฎว่า เคยรับราชการฝ่ายใน สังกัดพระนางเจ้าโสมนัส ในรัชกาลที่ 4 หน้าตารูปร่าง งดงามพอควร
อีอยู่ ได้พบรักกับ หลวงแผลงสะท้าน ขุนนางวังหน้า จึงได้ปลงใจแต่งงานกัน และอยู่กินเรื่อยมา ฝ่ายผัวนั้น ก็เจริญเติบโตในหน้าที่การงาน ได้เป็น พระบันลือสิงหนาท ส่วนอีอยู่นั้น จากสาวแรกรุ่นสดๆ ก็เริ่มเป็นสาวใหญ่…. แก่ตัวไปตามสภาพ หากแต่ตัณหาราคะของนางนั้น ไม่ได้ลดลงตามวัยเลย
มีข้อมูลที่น่าตกใจปรากฏว่า อีอยู่ นั้น ก่อนจะรับราชการฝ่ายใน เคยมีผัวเป็นหม่อมราชวงศ์อยู่แล้ว แต่อยู่ได้ไม่เท่าไรก็ต้องเลิกรา เหตุว่าอีอยู่นั้นมีจริตผิดมนุษย์มนา แต่จริตที่ผิดมนุษย์นั้น ก็ซุกซ่อนไว้ไม่ให้พระบันลือรู้ได้เลย
อีอยู่จึงเปลี่ยนเป็นอำแดงอยู่
กาลเวลาผ่านไปถึงปี 2422
พระบันลือนั้นเป็นขุนนางใหญ่ระดับหนึ่ง จึงมีข้าทาสไว้ในบ้าน
และหนึ่งในนั้น เป็นทาสหนุ่มสุดหล่อ หน้าตาดี หุ่นดี ดูมีราคา จนเป็นที่หมายตาของสาวเล็กสาวใหญ่ ชื่อ ไอ้ไฮ้
อีอยู่ จึงมีจิตพิสวาส ในตัวไอ้ทาสหนุ่มคนนี้
และเมื่อพระบันลือออกไปทำงาน นางจึงเรียกไอ้ไฮ้มาที่ห้องนอน สองต่อสอง...
นางอยู่ ได้ใช้ให้ไอ้ไฮ้นวดตน ระหว่างที่นวดกันไปมา นางอยู่ก็พยายามถลกผ้าไปด้วย จนไอ้โฮ้ได้เห็นขาอ่อนอันเปล่งปลั่ง แม้อายุจะปาเข้าไปสามสิบแล้ว ด้วยลีลาที่แสนจะยั่วยวนชวนหลงเสน่ห์ ทำให้ไอ้ไฮ้ จิตใจระทึก อารมณ์เริ่มกรุ่นกริ่ม
ส่วนไอ้ไฮ้ เห็นขานายหญิงอันเปล่งปลั่งดังนั้น และลีลาท่าทางของสาวใหญ่ก็เกิดอารมณ์ดุดันดั่งกระทิงหนุ่มร้อนแรง ก็คุโชนด้วยคาวโลกีย์แห่งเสน่หาในตัวนางอยู่
ไอ้ไฮ้เริ่มระงับอารมณ์ไม่อยู่ ถึงกับปีนขึ้นไปบนเตียง ลูบไล้ไปบนตัวของนางอยู่ด้วยความใคร่ ส่วนนางอยู่นั้นเล่าก็สุขใจ ลูบไล้กายไอ้ไฮ้อันแสนจะกำยำ อย่างพิสวาสไม่ต่างกัน
ไม่นานนัก นางอยู่กับไอ้ไฮ้ ก็ถึงกับไร้อาภรณ์ บดเบียดกอดก่ายกันจนถึงฉากอัศจรรย์อันร้อนแรง…และได้สุขสมภิรมย์หมาย จากนั้นก็อ่อนแรงไปดั่งไฟมอดลง
พระยาบันลือนั้นก็ไว้ใจเมีย ไม่ระแคะระคาย
ในขณะเดียวกันนั้นเอง นางอยู่ก็ลอบให้ไอ้ไฮ้ มาปรนเปรอสนองความใคร่ของตนทุกครั้งที่ผัวไม่อยู่ ได้บดเบียดเคียงกายอยู่เป็นนิจ และได้รับสิทธิพิเศษต่างๆนานาที่ทาสอื่นไม่มีวันจะได้รับในชั่วชีวิต เป็นเวลา สองปีเต็ม!
เวลาที่ผ่านมาสองปี ในปี พ.ศ.2424
ระหว่างที่ไอ้ไฮ้กับนางอยู่ เริงรื่นอยู่ในสภาพที่ไร้อาภรณ์ บดเบียดนัวเนียกันอยู่ เตรียมจะถึงเวลาอันอัศจรรย์ แต่แล้ว ความสุขดั่งความฝัน ก็พังทลายลง เมื่อพระบันลือ กลับบ้านมาอย่างกะทันหัน และจะเข้าห้องนอน หากแต่ห้องนอนนั้นไม่สามารถเปิดได้
พระบันลือเห็นดังนั้น ก็เคาะประตูเรียก เสียงเคาะประตูดังลั่นห้อง นางอยู่กับไอ้ไฮ้ซึ่งเครื่องกำลังร้อน ตกใจสุดขีด รีบกอดไอ้ไฮ้ตัวกลม เกรงภัยจากผัว ที่กำลังอยู่หน้าประตูห้องตน
พระบันลือเห็นว่า เคาะนานแล้วนางอยู่ก็ไม่เปิด จึงแหวกฝาเรือนไป ก็พบภาพอันน่าสมเพชยิ่ง นางอยู่เมียรัก กอดกันกลมกับไอ้ทาสหนุ่ม
พระบันลือจึงให้ข้าทาสพังประตูเข้าไป แล้วใช้ร่มฟาดกบาลนางอยู่อย่างแรง ด่าว่า
“อีเมียไม่รักดี” เสียงพระบันลือดุดัน พร้อมเอาร่มตี..นางอยู่ไป ด้วยบันดาลโทสะ
ส่วน ไอ้ไฮ้ โดนลากไปนอนคว่ำกลางดิน ขึงพืดมือเท้า แล้วรับโทษโบยห้าสิบที
“มึงบังอาจมาก เป็นชู้กับเมียกู”
“ไอ้พวกนี้ ลาก ไอ้ไฮ้ ไปโบย ห้าสิบที” เสียงพระบันลือตะโกนบอกข้าทาสชาย
ส่วนไอ้ไฮ้นั้น ถึงจะเป็นชู้กับนางอยู่ แต่ไอ้ไฮ้ก็เป็นที่หมายตาของนางทาสสาวๆ และหนึ่งในนั้น คือ ทาสสาวผู้หนึ่ง หน้าตาสะสวย เธอชื่อว่า "อีเกลี้ยง"
ติดตามต่อตอนต่อไป
++++++++++++++++++++++
Bookmarks