Beta-agonist / สารเร่งเนื้อแดง
สารเร่งเนื้อแดง
สารเร่งเนื้อแดงเป็นสารในกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ (Beta-Agonist หรือ b-Agonist) โดยที่สารในกลุ่มนี้เป็นตัวยาสำคัญในยาบรรเทาโรคหอบ หืด ช่วยในการขยายหลอดลม มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจ ช่วยให้กล้ามเนื้อมดลูกคลายตัว และช่วยให้กล้ามเนื้อขยายตัว เพิ่มการสลายตัวไขมันที่สะสมในร่างกาย
แต่มีการนำสารในกลุ่มนี้ โดยเฉพาะ เคลนบิวเตอรอล (clenbuteral) และ ซัลบูตามอล (salbutamol) มาใส่ในอาหารสำหรับเลี้ยงหมู ซึ่งสารนี้จะตกค้างในเนื้อหมู และสะสมมาทำอันตรายต่อผู้บริโภค
เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรู้จักและเริ่มใช้สารเบต้าอะโกนิสต์ โดยเฉพาะเคลนบิวเตอรอลมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2531 โดยใช้ชื่อทางการค้าต่างๆ กัน เช่น เลนดอล โดโซลบี แอมโปรฟีด บีดอล 2201 และแมคโตเอส เป็นต้น
เนื่องจากไม่มีการใช้เคลนบิวเตอรอลในยาคน และความเข้มงวดในการสั่งนำเข้าประเทศ ดังนั้น จึงมีการนำสารเร่งเนื้อแดงอีกชนิดหนึ่งคือซัลบูตามอล ซึ่งหาซื้อได้ง่ายกว่าเพราะมีการใช้เป็นยาของคนมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ คือใช้เป็นสารเร่งเนื้อแดง โดยผสมในอาหารและน้ำสำหรับเลี้ยงหมู เพื่อให้ได้เนื้อหมูที่มีเนื้อแดงมาก ไขมันน้อย ขายได้ราคาดี
ผลของสารเร่งเนื้อแดงก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อตัวสัตว์ ทำให้สัตว์เกิดอาการหัวใจเต้นเร็วขึ้น ในสัตว์บางชนิดอาจพบการตายของกล้ามเนื้อหัวใจ ทั้งนี้ การสร้างความร้อนในตัวสัตว์ที่เพิ่มขึ้น มีผลทำให้สัตว์ทนต่อความร้อนได้น้อยลง และอาจเกิดภาวะเครียดจากความร้อน (heat stress) ได้
โดยในหมูที่ยังไม่ตายสังเกตอาการได้จากลักษณะมัดกล้ามนูนเด่นกว่าปกติ โดยเฉพาะบริเวณสะโพก สันหลังหรือบริเวณหัวไหล่ และถ้าได้รับสารดังกล่าวสูงมาก ๆ หมูจะมีอาการสั่นอยู่ตลอดเวลา
สำหรับผู้บริโภค อันตรายจากการบริโภคเนื้อหมูหรือเนื้อสัตว์ที่มีสารเร่งเนื้อแดงตกค้างอยู่ มีผลต่อการทำงานของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือด หลอดลม กระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น
อาจมีอาการมือสั่น กล้ามเนื้อกระตุก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ กระวนกระวาย วิงเวียนศีรษะ บางรายมีอาการเป็นลม นอนไม่หลับ คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการทางจิตประสาท และเป็นอันตรายมากสำหรับหญิงมีครรภ์และผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคไฮเปอร์ไทรอยด์
ประเทศไทยและต่างประเทศห้ามใช้สารกลุ่มนี้ในการผลิตอาหารสัตว์โดยเด็ดขาด เพราะเป็นอันตรายในอาหารประเภทอันตรายทางเคมี ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 269) พ.ศ.2546 เรื่องมาตรฐานอาหารที่มีการปนเปื้อนสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ ให้อาหารทุกชนิดมีมาตรฐานโดยตรวจไม่พบ การปนเปื้อนสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ (b-Agonist) และเกลือ ของสารกลุ่มนี้ รวมถึงสารในกระบวนการสร้างและสลาย (metabolites) ของสารดังกล่าวด้วย
โดยการตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนสารเคมีให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการตรวจวิเคราะห์ทางวิชาการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประกาศ โดยความ เห็นชอบของคณะกรรมการอาหารซึ่งมีความผิดตาม พระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2525 มาตรา 6(5) และ 57
คอลัมน์ รู้ไปโม้ด, ข่าวสดออนไลน์
โดยน้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com
http://www.baanmaha.com/community
Bookmarks