-
ศึกษาหาความรู้
-
ศึกษาหาความรู้
ในพริกมีสารอะไรบ้าง
กินเผ็ดบ้างก็ดีนะ....ในพริกมีสารอะไรบ้าง?
พริกมีรสเผ็ดเพราะว่ามีสารชนิดหนึ่ง คือ
แคปไซซิน (capsaicin) แคปไซซินเป็นสารธรรมชาติจำพวกอัลคาลอยด์ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทนทานต่อความร้อนและความเย็น
ดังนั้นการต้มให้สุกหรือแช่แข็งก็ไม่มีผลทำให้ความเผ็ดสูญเสียไป แหล่งที่อยู่ของแคปไซซินในพริกก็คือ ภายในผล หรือภายในเม็ดพริก
ส่วนใหญ่จะอยู่ในเยื่อแกนกลาง สีขาว หรือเรียกกันว่า รก (placenta) เปลือกและเมล็ดของพริกจะมีสารแคปไซซินน้อยมาก ซึ่งคนทั่วไปมักคิดว่าเมล็ดของพริกคือส่วนที่เผ็ดที่สุด ปริมาณของแคปไซซินที่มีอยู่ในพริก เรียกตามลำดับคือ พริกขี้หนู พริกเหลือง พริกชี้ฟ้า พริกหยวก และพริกหวาน
คุณสมบัติที่ดีของแคปไซซินคือสามารถละลายได้ดีในไขมัน น้ำมัน และแอลกอฮอล์คนไทยเราคุ้นเคยกับการดื่มน้ำหลังกินอาหารเผ็ดๆ แต่น้ำเพียงช่วยลดอาการแสบร้อนเท่านั้น ไม่ได้ช่วยลดความเผ็ดลงคุณค่าของพริกไม่ได้อยู่ที่ความเผ็ดอย่างเดียว สีของพริก ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง สีส้ม และสีแดงของผล คือสารตั้งต้นของวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา ในพริกมีวิตามินซีปริมาณสูงมากกว่าปริมาณวิตามินซีในผลส้มแต่วิตามินซีสลายตัวเมื่อถูกความร้อน ดังนั้นถ้าต้องการวิตามินซีจากพริก จะต้องกินพริกสด
ประโยชน์ของพริก
พริกได้รับการนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เป็นเวลายาวนานหลายพันปีแล้วมีข้อโต้แย้งกันมากเกี่ยวกับปริมาณการกินพริกมากๆ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น โรคกระเพาะหรือโรคระบบทางเดินอาหาร คำตอบที่ได้ก็คือ การกินพริกไม่ก่อให้เกิดผลเสียใดๆ ต่อสุขภาพจากการศึกษาเรื่องพริกทั้งอดีตและปัจจุบันพบว่า พริกมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้
1.บรรเทาอาการไข้หวัดและการหายใจสะดวกสบายยิ่งขึ้น
สารแคปไซซินที่อยู่ในพริกช่วยลดน้ำมูก หรือสิ่งกีดขวางระบบการหายใจอันเนื่องจากเป็นไข้หวัด ไซนัสหรือโรคภูมิแพ้ต่างๆ ช่วยบรรเทาอาหารไอ
2.ลดการอุดตันของหลอดเลือด
การอุดตันของหลอดเลือดเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจล้มเหลว หรือการเสียชีวิตจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอุดตัน การกินพริกเป็นประจำจะช่วยลดอัตราเสี่ยงจากโรคทั้ง 2 ชนิด ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดี ลดความดัน ทั้งนี้เพราะสารจำพวกบีต้าแคโรทีนและวิตามินซีช่วยเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรง เพิ่มการยืดตัวของผนังหลอดเลือด ทำให้ปรับเข้ากับแรงดันระดับต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
3.ลดปริมาณสารโคเลสเตอรอล
แคปไซซินช่วยป้องกันไม่ให้ตับสร้างโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-low density lipoprotein) ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้มีการสร้างโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL-high density lipoprotein)ขึ้นทำให้ปริมาณ ของไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดต่ำลง ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพ
4.ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
พริกเป็นพืชที่มีวิตามินซีสูง การกินอาหารที่มีวิตามินซีมากๆ จะช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ วิตามินซียับยั้งการสร้างสารไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินอาหารวิตามินซีช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบของกระดูกอ่อน รวมถึงเป็นส่วนประกอบของผิวหนัง กล้ามเนื้อและปอด คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่สามารถหยุดการแพร่กระจายของเซลล์ร้ายได้
นอกจากนี้ วิตามินซียังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ทำการหยุดยั้งบทบาทของอนุมูลอิสระ (free radicals) ที่จะก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์ สารบีต้าแคโรทีนในพริกช่วยลดอัตราเสี่ยงของโรคมะเร็งในปอดและในช่องปาก เพราะคนที่กินผักที่มีสารบีต้าแคโรทีนน้อยจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งมากกว่าคนที่กินผักที่มีบีต้าแคโรทีนสูงถึง 7 เท่าสารบีต้าแคโรทีนมีคุณสมบัติช่วยลดอัตราการกลายพันธุ์ของเซลล์และทำลายเซลล์มะเร็ง
5.บรรเทาอาการเจ็บปวด
มนุษย์ใช้พริกเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดมานานแล้ว เช่น ลดอาการปวดฟัน บรรเทาอาการเจ็บคอ และการอักเสบของผิวหนัง
ปัจจุบันมีการใช้สารแคปไซซินเป็นส่วนประกอบของขี้ผึ้งใช้ทาบรรเทาอาการปวดอันเนื่องมาจากผดผื่นคัน และอาการผื่นแดงที่เกิดบนผิวหนัง รวมทั้งอาการปวดที่เกิดจากเส้นเอ็น อาการปวดประสาทหลังเป็นงูสวัด โรคเกาต์หรือโรคข้อต่ออักเสบ
6.อารมณ์แจ่มใส
สารแคปไซซินช่วยเสริมสร้างอารมณ์สดชื่น เนื่องจากสารนี้มีการส่งสัญญาณให้ต่อมใต้สมองสร้างสารเอนดอร์ฟิน (endorphin) ออกฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีน คือบรรเทาอาการเจ็บปวด ทำให้อารมณ์แจ่มใส
7.ป้องกันตัวประมาณ
20 ปีที่แล้ว มีสเปรย์ป้องกันตัวยี่ห้อหนึ่ง มีพริกเป็นส่วนประกอบสำคัญสเปรย์ที่กล่าวถึงนี้ไม่ทำอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าฉีดเข้าตาโดยตรงอาจจะทำให้มองไม่เห็นประมาณ 2-3นาทีระยะเวลาที่ยาวนาน ไม่ได้ทำให้ความเผ็ดของพริกจางหายไป
ในขณะเดียวกันมีการค้นพบสรรพคุณทางการแพทย์ของพริกที่สามารถนำมาปรุงเป็นตำรับยารักษาอาการต่างๆ ที่เกิดกับร่างกายของคนเรา
คราวนี้เพื่อนๆมารู้จักสรรพคุณของพริกต่างๆกัน
พริกขี้หนู
สกุล Capsicum frutescens
Linn. วงศ์Solanaceae
สรรพคุณ
ใบ แก้อาการคันที่เกิดจากมดคันไฟ
ผล ขับลม ช่วยเจริญอาหาร รักษาโรคเกาต์
ไม่ระบุส่วนที่ใช้ แก้พิษกัดต่อย ขับลมในลำไส้ แก้ไอ แก้เสมหะ แก้ปวด แก้เจ็บคอ แก้อาหารไม่ย่อย แก้เบื่ออาหาร บำรุงธาตุเป็นยากระตุ้น ลดอาการไขข้ออักเสบ
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ขับปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการแพ้ของผิวหนัง ฆ่าไส้เดือน ก่อการกลายพันธุ์ กระตุ้นการผลิตน้ำดี ลดโคเลสเตอรอล ยับยั้งอนุมูลอิสระ เป็นพิษต่อตา เป็นพิษต่อหนูขาว เสริมฤทธิ์บาร์บิทูเรต ยับยั้งการสร้างแอนติเจนของเชื้อ Epstein-Barr virus ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดการหดเกร็งของลำไส้ บีบมดลูก กระตุ้นการอักเสบ ยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลในทางเดินอาหาร เพิ่มความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร
ลดปริมาณไขมันในตับ ระงับปวด
พริกชี้ฟ้า
สกุล Capsicum annuum Linn. วงศ์ Acuminatum
สรรพคุณ
ไม่ระบุส่วนที่ใช้ ขับลมในโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ปวดตามบั้นเอว
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
กระตุ้นการขับเคลื่อนทางลำไส้
พริกไทย
สกุล Piper nigrum Linn. วงศ์ Piperaceae
สรรพคุณ
ราก บำรุงธาตุ แก้เสมหะ แก้ลมในลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร
แก้ลมวิงเวียน แก้ปวดท้อง ขับลม ช่วยเจริญอาหาร
ใบ แก้ลมจุกเสียดแน่น แก้ปวดมวนในท้อง แก้นอนไม่หลับ
เถา ขับลมในท้อง บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร
เมล็ด แก้จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในลำไส้ ช่วยเจริญอาหาร
ไม่ระบุส่วนที่ใช้ แก้ไข้หวัด แก้ท้องเสีย แก้อาหารไม่ย่อย
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ต้านเชื้อแบคทีเรีย กระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ยับยั้งการหดเกร็งของลำไส้ ขยายหลอดเลือดหัวใจ เพิ่มการหลั่งน้ำดี ป้องกันตับจากสารพิษ แก้ปวด ลดการอักเสบ ยับยั้งการเจริญเติบโตของตัวอ่อนแมลง
พริกหยวก
สกุล Capsicum annuum Linn. วงศ์ Solanaceae
สรรพคุณ
ผล ขับลม แก้ท้องอืดเฟ้อ เป็นยาเจริญอาหาร บำรุงหัวใจ
ใช้ทาถูกนวดให้ร้อนแดง ช่วยย่อยอาหาร แก้ไขข้ออักเสบ
แก้อาการปวดเมื่อย ไม่ระบุส่วนที่ใช้ ขับปัสสาวะ แก้กามโรค บำรุงเลือด
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ฆ่าพยาธิ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ลดระดับไตรกลีเซอไรด์และโคเลสเตอรอล ลดความดันเลือด เพิ่มการหลั่งกรดของกระเพาะอาหาร
พริกหาง
สกุล Piper cubeba Linn. วงศ์ Piperaceae
สรรพคุณ
ราก บำรุงธาตุ ถอน พิษฟกบวม แก้หนองใน แก้ปัสสาวะพิการ
ผล ขับปัสสาวะ ฆ่าเชื้อในระบบปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์
ขับเสมหะ ช่วยเจริญอาหาร ขับลม เป็นยาขับประจำเดือน
แก้ไข้ บำรุงโลหิต แก้บาดแผลสด
เมล็ด ขับปัสสาวะ แก้โรคกาฬเลือด ขับลมในลำไส้ ทำให้หาว เรอ ถอนพิษฟกบวม แก้กามโรค บำรุงธาตุ
ไม่ระบุส่วนที่ใช้ ขับปัสสาวะ ขับลม บำรุงธาตุ
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ต้านเชื้อไวรัส ฆ่าตัวอ่อนแมลง ทำให้ระคายเคืองผิวหนัง ลดความดันเลือด
โดย ทางแพทย์สายพุทธ
ขอขอบคุณข้อมูลและเอกสารอ้างอิง
1.คุณพรสวรรค์ ดิษยบุตร สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
2.รศ.ภญ.พร้อมจิต ศรลัมพ์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ฟาร์มดี (ฟาร์มไส้เดือนของคนพิการ)
http://www.baanmaha.com/community
Tags for this Thread
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
กฎฟอรั่ม
Bookmarks