มาตุโปสกชาดก-ชาดกว่าด้วยพญาช้างยอดกตัญญู
พญาช้างเผือกผู้มีความกตัญญูต่อมารดาที่ตาบอด
ในสมัยหนึ่งครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตะวันเมืองสาวัตถี ได้เกิดเรื่องราวถกเถียงกันในหมู่สงฆ์ ถึงเรื่องวินัยสงฆ์ของภิกษุผู้เลี้ยงมารดารูปหนึ่ง ภิกษุที่ว่านี้เมื่อออกบวชในพุทธศาสนาก็ไม่สามารถปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังได้
ภิกษุหนุ่มกลับบ้านมาปรนนิบัติแม่ซึ่งอยู่ในบ้านเพียงลำพัง
เพราะต้องคอยมาปรนนิบัติผู้เป็นมารดาที่อาศัยอยู่ในบ้านตามลำพัง “โยมแม่แข็งใจลุกขึ้นมาทานข้าวปลาซะหน่อยเถอะ” “ขอบใจลูกเอ๋ย แม่นะแก่แล้วร่างกายก็ไม่ค่อยจะแข็งแรง เป็นภาระของพระจริงๆ เล้ย แทนที่จะได้ปฏิบัติธรรมกลับต้องมาดูแลแม่ซะงั้น”
ภิกษุหนุ่มนำข้าวปลาอาหารมาให้แม่ของตน
“โยมแม่อย่าพูดเช่นนั้นเลย ลูกมีหน้าที่ต้องดูแลแม่อยู่แล้ว” “ดูซิท่านภิกษุรูปนี้กลับไปบ้านอีกแล้ว” “เฮ้อ...คงเป็นห่วงแม่เขานั้นแหละ นี่ก็คงจะเอาข้าวปลาอาหารไปให้ละมั้งเนี่ย” “แล้วอย่างนี้ไม่ผิดวินัยสงฆ์หรือท่าน”
มารดาของภิกษุหนุ่มซึ่งอยู่ในวัยชรา
เมื่อพระศาสดาทราบเรื่องก็ทรงตรัสกับภิกษุเหล่านั้นว่า “ภิกษุทั้งหลาย อย่าถือโทษภิกษุรูปนี้เลย แม้ในกาลก่อนเค้าก็เคยปรนนิบัติผู้เป็นมารดามาดั่งเช่นภพนี้ แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเล่า มาตุโสกชาดกดังนี้
พญาช้างเผือกขาวปลอดมีรูปร่างสวยงาม สง่ายิ่งนัก
ในป่าลึกแห่งหนึ่งมีพญาช้างเผือกขาวปลอดมีรูปร่างสวยงาม มีช้างแปดหมื่นเชือกเป็นบริวาร “ตามเรามาเถอะ วันนี้เราจะนำทางพวกเจ้าเข้าไปหาผลไม้ที่ริมป่า” “ดีจังเลยผลไม้แถบนี้ข้ากินมาหมดแล้ว อยากกินที่อื่นบ้าง”
พญาช้างชักชวนบริวารไปหาผลไม้ที่ชายป่าอีกด้านหนึ่ง
“กินจนจะหมดป่าอยู่แล้วเจ้านะ ท่านพญาช้างข้าว่าทิ้งยายช้างไว้ที่ในป่านี้เถอะ ขืนพาไปผลไม้ด้านโน้นคงหมดป่ากันพอดี” “แหม ที่เจ้าล่ะกินจนไม่เหลือให้ช้างตัวอื่นได้กินบ้างเลย” “เอาละๆ พวกเจ้าอย่าทะเลาะกันอีกเลย เสียงดังไปเดี๋ยวสัตว์ตัวอื่นๆ เค้าจะตกใจกันหมด”
พญาช้างจำเป็นต้องดูแลโขลง เลยฝากผลไม้ไปให้แม่ของตนที่ป่าอีกด้านซึ่งเป็นที่อาศัย
พญาช้างเผือกตัวนี้มีความกตัญญูรู้คุณมารดา ทุกครั้งที่ออกหาอาหารก็จะนำกลับมาให้มารดาที่ตาบอดกินเสมอ “ผลไม้สดพวกนี้แม่คงชอบ รสหวานดีนักเก็บเอาไปฝากแม่เยอะๆ ดีกว่า” “เราจะอยู่ดูแลฝูงที่นี่รบกวนพวกเจ้าช่วยนำผลไม้เหล่านี้ไปให้แม่ของเราด้วยนะ”
ผลไม้รสชาติดีมากมายหลายชนิดที่พญาช้างฝากไปให้แม่ที่บอด
“ได้เลยท่านพญาช้าง เรายินดีช่วยเหลือท่านอยู่แล้ว” “นั่นใช่ไหม๊ ผลไม้ที่ท่านจะฝากไปให้แม่ท่านนะ อูย..น่ากินทั้งนั้นเลยนะ ท่านแม่คงจะชอบใจ” “อืม..ขอบใจพวกเจ้ามาก เดินทางกันดีๆ ละ” ผลไม้รสหวานเหล่านั้นแทนที่จะเป็นอาหารให้กับช้างตาบอด แต่ก็ถูกช้างบริวารที่นำอาหารมากินเสียระหว่างทาง
ช้างบริวารได้กินผลไม้ของพญาช้างในระหว่างทางจนหมดสิ้น
“หือ..ผลไม้เนี่ยรสหวานจริงๆ เลยนะ หือ..ข้านี่ชอบจริงๆ เลย” “แต่ผลไม้พวกนี้ ท่านพญาช้างนะ ให้พวกเรานำไปให้แม่ของท่านนะ” “ไม่เป็นไรหรอกนะเดินทางมาตั้งไกล ก็ต้องมีหิวกันบ้างแหละ ท่านพญาช้างคงเข้าใจพวกเราดี”
พญาช้างกลับมาเจอแม่ที่สภาพร่างกายผ่ายผอมเพราะอดอาหาร
“ใช่ๆๆๆ กินไปเหอะน่า..กลัวนักก็ไม่ต้องกิน เดี๋ยวข้ากินเอง หวานปาก” เมื่อพญาช้างกลับมาพบว่ามารดาไม่ได้อาหาร ก็คิดจะละจากโขลงเพื่อเลี้ยงดูมารดา “นี่แม่ไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่ลูกไปเลยเรอะ ไม่น่าเลย
พญาช้างพาแม่ของตนออกจากโขลงไปอยู่ที่อื่น
ในเมื่อเป็นหัวหน้าโขลงแล้วลูกไม่สามารถดูแลแม่ได้ งั้นเราก็ออกจากโขลงกันเถอะ ลูกจะพาแม่ไปอยู่ที่ชายป่าด้านโน้น เราจะอยู่ด้วยกันตามลำพังก็พอนะแม่” “แม่เป็นภาระของเจ้าจริงๆ แม่น่าจะตายๆ ไปซะ เจ้าจะได้อยู่อย่างสบาย”
พญาช้างพาแม่ที่ตาบอดไปอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง
“แม่อย่าพูดอย่างนี้เลย ลูกอยากดูแลแม่ ไม่ได้เป็นภาระอะไรของลูกเลย แม่สบายใจเถอะ” ในขณะที่ช้างเชือกอื่นกำลังหลับพักผ่อน พญาช้างก็แอบพาช้างมารดาหนีออกจากโขลงไปอยู่ที่เชิงเขา แล้วให้มารดาพักอยู่ที่ถ้ำแห่งหนึ่ง “แม่จ๊ะเรารีบหนีไปกันเถอะ ก่อนที่ช้างเชือกอื่นจะตื่นขึ้นมาซะก่อน”
Bookmarks