เช้าวันพุธในเมืองใหญ่ที่แสนวุ่นวาย
เมื่อวานฝนตกหนักตั้งแต่บ่ายแก่ ๆ ทำให้เช้านี้ในเมืองใหญ่มีไอหมอกจาง ๆ
ฉันยังคงเร่งรีบยื้อแย่งขึ้นรถเมล์เช่นเคย
วันนี้โชคดีมีที่นั่ง ผ่านสะพานซังฮี้ (กรุงธน)
มีไอหมอกลอยเหนือน้ำเจ้าพระยาจาง ๆ
เห็นเงาเรือเมล์ตะคุ่ม ๆ ทำให้ใจฉันล่องลอยถึงบรรยากาศที่บ้าน
ยามเช้าของฤดูปลายฝนต้นหนาวเช่นนี้
ผืนนาที่บ้านเราคงเขียวชอุ่มด้วยต้นข้าวที่กำลังแตกกองาม
มีไอหมอกลอยประดับยอดข้าวจาง ๆ
ปูหนุ่มตัวโตเดินกร่างโชว์กล้ามโต ๆ กลางคันนา
น้ำในนาเริ่มจะแห้งขอดปลาที่มัวหลงระเริงกับน้ำในนา
เมื่อหน้าน้ำหลากจนลืมที่จะว่ายลงห้วย หนอง คลอง บึง ตกขลัก
อยู่มุมใดมุมหนึ่งของกระทงนา แม่บ้านคงวุ่นวายอยู่กับการเก็บปลาพวกนี้ไว้เป็น
อาหาร หรือเอาไปปล่อยลงสระเพื่อให้สืบพันธ์ต่อไป สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศ ลมหนาว
จากจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มมาทักทาย พร้อมดอกไม้ป่านานาพันธุ์เริ่มออกดอกบานสะพรั่ง
ดอกผักแขยงสีม่วงสดแสนบอบบางน่าเอ็นดู
เปรียบเหมือนสาวร่างบอบบางน่าทะนุถนอม
ภาพจิตรกรรมผืนใหญ่ที่จิตรกรเอกของโลกที่ชื่อธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้น
ในอดีตฉันเป็นส่วนประกอบหนึ่งของภาพเหล่านี้ ทุก ๆ เช้า
ฉันต้องไปทุ่งนาพร้อมสวิงและถังใบใหญ่เพื่อสำรวจว่ามีกระทงนาไหนที่มีปลาตกขลัก
แล้วก็เก็บมาให้แม่ทำปลาแห้ง
บางตัวก็ปล่อยมันลงสระ บ่อยครั้งที่โดนเงี่ยงปลาดุกตัวเขื่องปักเอา
ปวดอยู่ครึ่งค่อนวัน เป็นอดีตที่ฉันจำได้แม่น
ฉันหวังทุกวันว่าฉันจะกลับไป แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง หรือเพราะเราลิขิตเองก็
ไม่ทราบได้ หลังเรียนจบและพยายามวิ่งตามฝัน ฉันก็มีโอกาสกลับไปใช้ชีวิตที่บ้าน
เกือบ 2 ปี เป็น 2 ปีที่แสนจะมีความสุข ตื่นเช้าเพราะเสียงไก่ขัน สูดอากาศ
บริสุทธิ์ ใช้ชีวิตตามจังหวะเนิบนาบของเพลงลูกทุ่งที่ไพเราะ แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ต้อง
เข้ามาติดบ่วงความ ศิวิไลซ์ (ว่ากันแบบนั้น) ในเมืองใหญ่แห่งนี้อีกครั้ง มันเหมือน
ภาพละครเรื่องเก่าที่นำมารีเมคแล้วรีเมคอีก จนคนดูเบื่อ แต่ชีวิตคนเรามันต้องอยู่ได้
ด้วยความหวัง ฉันก็เช่นกันอยู่ด้วยความหวังว่าสักวันฉันจะกลับไปเก็บปลาตกขลัก
ชมดอกผักแขยงที่บ้านเรา
Bookmarks