หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง

ชาติภูมิ
หลวงพ่ออุ้น นามเดิม อุ้น อินพรหม ถือกำหนดเมื่อวันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2459 เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน 8 คน คือ 1.หลวงพ่ออุ้น 2.นายอิ่น 3.นายเอื่่อน 4.นายพวง 5.นายแดง 6.นางพุด 7.นางเพี้ยน 8.นางพ้วน ของโยมพ่อบุญ อินพรหม โยมแม่เล็ก อินพรหม ณ บ้านหนองหินถ่วง ต.มาบปลาเค้า อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
เริ่มการศึกษาเบื้องต้น หนังสือไทย ขอม ที่วัดไสค้าน จนกระทั่งจบการศึกษาภาคบังคับ แล้วมาช่วยเหลือบิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรม

สู่ร่มเงากาสาวพัสตร์
เมื่ออายุ 20 ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดตาลกง ตรงกับวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2479 โดยมีพระอธิการชัน วัดมาบปลาเค้า เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการผิว วัดตาลกง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการขาว วัดอินจำปา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับสมณฉายาว่า "สุขกาโม"
ครั้นอุปสมบทแล้วได้อยู่จำพรรษาที่วัดตาลกงศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อผิว และศึกษาข้อวัตรปฏิับัติเรื่อยมา

การศึกษาพุทธาคม
การศึกษาพุทธาคมของหลวงพ่ออุ้น เริ่มจากการอยู่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อผิว วัดตาลกง ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญไสยศาสตร์เวทมนต์คาถาอาคม รุ่นราวคราวเดียว (สหธรรมิก) กับหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง ทั้งยังเก่งทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน เมตตา อยู่ยงคงกระพัน ซึ่งใกล้ชิดกับ หลวงปู่นาค วัดหัวหิน ทั้งเคยเดินทางไปขอศึกษาวิชาความรู้จากหลวงปู่นาคอยู่เป็นประจำ
หลวงพ่อผิว ธมฺมสิริ เป็นพระเกจิทรงคุณวิเศษของเมืองเพชรบุรีในยุคนั้น แต่อุปนิสัยของท่านชอบอยู่อย่างสันโดษ เก็บตัวเงียบไม่ยอมเปิดเผยว่ามีดีนาน ๆ จะลง นะ ที่กระหม่อมให้ผู้ไปหาท่านสักครั้ง
ชาวบ้านวัยชราอายุ 80 กว่า เล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อผิวลง นะ ที่หัวให้ตัวเดียว มีคุณสารพัด อยู่ยงคงกระพันจนวันตาย คนเก่า ๆ แถวท่ายางต่างประจักษ์ในความคงกระพันชาตรีมาแล้วหลายราย ก่อนนี้มีไอ้หนุ่มวัยรุ่นจากประจวบคีีรีขันธ์มาติดพันสาวมาบปลาเค้า เข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อผิว ขอให้ท่านลงนะที่กระหม่อมให้ ครั้นต่อมาไม่นานเขากลับมามาบปลาเค้าอีกครั้ง ถูกนักเลงท้องถิ่นแทงด้วยมีด ตีหัวด้วยท่อนไม้แต่ไม่ยักเป็นไร เลยฮึดสู้หนึ่งต่อสาม เล่นเอานักเลงเจ้าถิ่นต้องเปิดหนีกันจ้าละหวั่นไปเลย


หลวงพ่ออุ้น เป็นที่โปรดปรานของหลวงพ่อผิวมาก ๆ ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาให้จนหมดสิ้น

ในพรรษาต่อมา หลวงพ่ออุ้นเดินทางไปกราบนมัสการ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อเล่าเรียนฝึกปฏิบัติสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน พุทธาคม โดยเรียนฝึกวิชากสิณจนชำนาญในกสิณ 10 รวมทั้งตำรับตำราการทำผงเมตตาชั้นสูงจากหลวงพ่อทองศุข
หลวงพ่อทองศุข เห็นความมานะพยายามประจวบกับหลวงพ่อผิว อดีตเจ้าอาวาสวัดตาลกง ก็มีความคุ้นเคยกันมาก่อนแล้ว ท่านจึงรับหลวงพ่ออุ้นไว้เป็นศิษย์ถ่ายทอดวิชาให้อย่างเต็มที่ ก่อนที่จะมีการศึกษาเล่าเรียนนั้น หลวงพ่อทองศุข ได้ดูฤกษ์ยามก่อนแล้วนัดกำหนดวันให้หลวงพ่ออุ้นเดินทางไปทำพิธีขึ้นครูหรือการยกครูโดยมีขันธ์ ๕ ดอกไม้ ธูป เทียน บายศรี ทำพิธีขึ้นครู
กล่าวได้ว่า หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นศิษย์ผู้สืบสายพุทธาคมจากหลวงพ่อทองศุข รูปหนึ่งอย่างแท้จริงไม่ใช้เป็นเพียงการกล่าวอ้าง ในการเรียนวิชาของหลวงพ่ออุ้นนั้น ต้องเดินทางจากวัดตาลกงไปเรียนที่วัดโตนดหลวงครั้งหนึ่งจะต้องไปพักอยู่วัดโตนดหลวงถึง 15 วัน ไปกลับอย่างนี้อยู่เป็นประจำ และยังออกปริวาสกรรมร่วมกับหลวงพ่อทองศุข ขึ้นเขาไปบำเพ็ญเพียรในป่าช้าก็บ่อยครั้ง
มีอยู่ครั้งหนึ่งได้กับกับหลวงพ่อ่จันวัดมฤคทายวันซึงเป็นญาติกับหลวงพ่อทองศุข หลวงพ่อจันรูปนี้เก่งวิชาสะกดชาตรีคือเป็นวิชาสะกดให้สัตว์ร้ายอยู่กับที่ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ทราบว่าท่านได้เรียนมาจากพระธุดงค์ชาวเขมร
หลวงพ่อจันได้ถ่ายทอดวิชาสะกดชาตรีให้หลวงพ่ออุ้นเช่นกัน สำหรับวิชาที่โดดเด่นสำคัญสุดของหลวงพ่อทองศุข ยากนักที่ศิษย์ผู้ใดจะได้รับถ่ายอดให้ คือ วิชาทำผงพระจันทร์ครึ่งซีก วิชาผงพระจันทร์ครึ่งซีกเป็นอย่างไร ว่ากันว่าเป็นผงเมตตามหานิยมที่มีพุทธคุณอมตะล้ำลึกยิ่งกว่าผงอิทธิเจ และผงปถมังหลายเท่านัก จากวิชาผงพระจันทร์ครึ่งซีกนี้ หลวงพ่ออุ้นยังไม่ปรากฎว่าท่านนำออกมาทำผงเลย เพราะมีกฎสัจจะที่สำคัญมาก นอกจากนั้นหลวงพ่อทองศุขยังได้สอนการทำผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช และผงหน้าพระภักษ์ ซึ่งเป็นตำรับสุดยอดของพระผงวัดนก จังหวัดอ่างทอง ตำราผงหน้าพระภักษืนี้ทราบว่าได้สูญหายไปจากวงการไสยศาสตร์เป็นเวลานานแล้ว หากมีอยุ่หรือตกเป็นมรดกแก่ผู้ใดก็น้อยเต็มทีที่จะรู้ได้
สำหรับวิชา นะ ปัดตลอด นั้น หลวงพ่ออุ้นได้รับการถ่ายทอดเช่นกัน วิชานี้จะสังเกตได้ถึงวัตถุมงคลของสำนักงานวัดโตนดหลวง มียันต์นะ ปัดตลอด และ นะ ปถมังปรากฎอย่างชัดเจน รวมทั้งวัตถุมงคลศิษย์สายหลวงพ่อทองศุขทุกรูป

หลวงพ่ออุ้นเป็นพระที่มีบุคลิกลักษณะผิวพรรณวรรณะผ่องใสอัธยาศัยไมตรีเปี่ยมด้วยเมตตาและสัจบารมีเป็นที่ตั้ง ท่านใส่ใจในเรื่องที่วัฏสงสาร คือการเกิดแก่เจ็บตาย บุญกรรม และสิ่งลี้ลับในธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่องเวทมนตร์คาถาอาคมอักขระเลขยันต์เป็นพิเศษ ซึ่งชอบมาตั้งแต่อายุยังน้อยจึงเป็นแรงจูงใจให้ศึกษาเล่าเรียน เรียนรู้และปฏิบัติให้เข้าถึงรู้แจ้งเห็นจริง ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อทองศุขได้เล็งเห็นอุปนิสัยใจคอแล้ว จึงถ่ายทอดสรรพวิชาให้หลวงพ่ออุ้นจนหมดสิ้น
จากนั้นต่อมาหลวงพ่ออุ้นได้ไปกราบนมัสการพระอธิการชัน วัดมาบปลาเค้า ขอศึกษาเล่าเรียนวิชาไสยศาสตร์ ซึ่งพระอธิการชันท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัด เป็นวิชาอยู่ยงคงกระพัน และเสกลิงลมวิชาขับคุณไสยทำปรอท เล่นแร่แปรธาตุ เรียนวิชาจากหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง เรียนวิชาทำตะกรุด และปลัดตามตำรับหลวงพ่อโคก วัดปากคลองบางครก ครูบาอาจารย์ของหลวงพ่ออุ้นใช่จะมีแต่เพียงพระสงฆ์เท่านั้นแม้แต่เป็นฆราวาสผู้เชี่ยวชาญในสรรพวิชา ท่านก็ยังไปขอเล่าเรียนศึกษาเช่นกัน อย่างเช่นอาจารย์โม ซึ่งเป็นหมอสักชาวเพชรบุรี มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในยุคนั้นท่านได้ไปขอเล่าเรียนวิชาจากอาจารย์โมแม้หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม ซึ่งปัจจุบันท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดรูปหนึ่งของจังหวัดนครปฐม (เพิ่งมรณภาพเมื่อต้นเดือน พ.ย. ๔๓) ก็เล่าเรียนวิชาสักยันต์จากอาจารย์โม จากนั้นหลวงพ่ออุ้นท่านก็ไปเรียนวิชาทำสีผึ้งมหาเมตตา วิชาลงเลขยันต์ ลงสมุนไพร ตำราสมุนไพรจากหมอฉ่ำหมอไสยศาสตร์ชาวอำเภอท่ายาง ที่จริงโยมบุญ อินพรหม โยมพ่อของหลวงพ่ออุ้นท่านก็เป็นหมอไสยศาสตร์มีความรู้เรื่องยาโบราณ มีตำรายาโบราณที่ตกทอดมาแต่ยุคก่อนจำนวนมาก โดยเฉพาะตำราทำผงยาเพชรมณี หลวงพ่ออุ้นก็ได้รับสืบทอดมาว่ากันว่าผงยาเพชรมณีหรือเพชรจินดา เป็นตำรายาหัวใจ ยาลม ยาอายุวัฒนะที่ดีมาก ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษไม่แตกต่างกับผงยาจินดามณีของปู่บุญมากนัก หรืออาจเป็นตำราสูตรเดียวกันมาแต่โบราณก็เป็นได้
เมื่อหลวงพ่ออุ้น ได้เรียนวิชาไสยเวทต่าง ๆ มาอย่างช่ำชองแล้ว ก็ได้เคยนำเอาวิชาสักยันต์มาสักลงให้บรรดาศิษย์และชาวบ้าน สักเสือผยองเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ชาวบ้านที่นิยมก็มาสักกันมากพอสมควรและบุคคลที่สักไปเหล่านั้นเป็ฯคนดังก็มาก คนดีก็มีภายหลังท่านมาพินิจพิจารณาถึงวิชาเหล่านี้ว่าไม่สมควรนำมาใช้ให้กับบุคคลต่าง ๆ เพราะบังเกิดมีทั้งดีและชั่วผิดและถูกไม่มีใครเป็นคนดีได้หมด ซึ่งอาจนำไปสู่แนวทางอกุศลกรรมได้ ครั้นพิจารณาในหลักธรรมอย่างถ่องแท้แล้ว นับตั้งแต่วันนั้นท่านจึงหยุดทำการสักและมุ่งมั่นหันมาช่วยชาวบ้านด้านขับคุณไสย ขับผี ไล่วิญญาณพเนจร ที่เข้าสิงร่างชาวบ้านจนขึ้นชื่อที่ใดในแถบตำบลนั้นมีปัญหาเรื่องผีเข้า ถ้าขู่ว่าจะพาไปหาหลวงพ่ออุ้น มักจะออกไปทันที เรื่องนี้ชาวตำบลมาบปลาเค้าทราบดี บางรายไปพรหมน้ำมนต์ร้องครวญคราง รายใดถ้าแข็งจะถูกตอกตะปูแล้วกลึง ต่อมาเหล่าวิญญาณทั้งหลายจะต้องด้วยในบารมีหลวงพ่ออุ้น หรือไรไม่ทราบ ถ้าเกิดผีเข้ากลางงานที่มีผู้คนมาก ๆ ผู้คนจะช่วยกันไล่ ไม่ยอมไปถึงโดนซ้อมจนน่วมก็ไม่ออก ถ้าขู่ว่าจะช่วยกันจับไปหาหลวงพ่ออุ้นส่วนมากจะออกไปทันที เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นมาก ลองถามชาวบ้านดูได้ ท่านยังมุ่งมั่นความหลุดพ้นเจริญวิปัสสนากรรมฐานเป็นเวลานาน ๆ อยู่ประจำ มีความสงบนิ่ง มีเมตตา มอบให้แก่พุทธศาสนิกชนที่ไปกราบนมัสการท่านเสมอเหมือนกันหมด

หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง

ปฏิปทาศีลวัตร

ทุกวันนี้ผู้ที่ใกล้ชิดหลวงพ่ออุ้นต่างก็ทราบกันดีว่า หลวงพ่อวัดตาลกงไม่ใช่พระธรรมดา หรือ เป็นพระธรรมดาที่ยิ่งกว่าธรรมดา เพราะท่านเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีปฏิปทาศีลวัตร สัจคุณงามเป็นพระสุปฏิปันโน สมเป็นสมณสากยพุทธบุตรในพระพุทธศาสนาอีกรูปหนึ่ง ที่พุทธศาสนิกชนศรัทธาเลื่อมใสกราบไหว้ด้วยความอิ่มใจ หลวงพ่ออุ้นมีญาณ สมาบัติสูง มีสมาธิจิตแก่กล้า กรวดหิน แร่ ธาตุต่าง ๆ ท่านหยิบผ่านมือแล้วมอบให้แก่ใครก็มีอนุภาพพุทธคุณอย่างน่าอัศจรรย์

พระนักพัฒนา เมื่อพูดถึงงานด้านการพัฒนาหลวงพ่ออุ้นได้อยู่ช่วยเหลือหลวงพ่อผิว (ผู้เป็นหลวงลุง) สร้างวัดตาลกงมาตั้งแต่แรก ๆ จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ก่อนนี้ท่านได้เดินทางเข้าป่าละอูไปช่วยหลวงพ่อผิว ตัดไม้ ไปกลางเดือนอ้าย กลับถึงวัดกลางเดือนห้า ใช้เวลาไปกลับครั้งละ 4 เืดือน เป็นอย่างนี้ประจำถึง 5 ปี ไปกับหมู่สงฆ์ไปปลูกโรงอาศัยในป่า ไม้ที่ตัดใช้เกวียนลากมาแสนจะลำบาก
หลวงพ่ออุ้น ได้ออกธุดงควัตรไปทั่วทุกภูมิภาคที่ ๆ อยู่ในความทรงจำของท่านมากทีุ่สุด ก็คือ ป่าตะนาวศรี ป่าละอู และป่าปราณบุรี เดินธุดงค์จนไปพบผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ได้ถวายที่ดินให้ท่านสร้างวัดและโรงเรียนจำนวนถึง 1,000 กว่าไร่ หลวงพ่อถามโยมผู้ถวายที่ดินว่าเมื่อโยมถวายที่ให้อาตมาแล้ว จะให้มีอะไรบนที่ดินผืนนี้บ้าง โยมผู้นั้นบอกว่าต้องการมีวัด โรงเรียนและสถานีอนามัย เมื่อรับปากว่าจะดำเนินการให้โยมนั้นตามความประสงค์ ต่อมาหลวงพ่ออุ้นก็เริ่มพัฒนาดำเนินการจัดสร้างสำนักสงฆ์ท่าไม้ลายขึ้น ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ต.เขาเจ้า อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจัดส่งพระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อไปควบคุมดูแลปฏิสังขรณ์สำนักสงฆ์ ได้รับผ้าป่ากฐินพอเลี้ยงตัวเองได้ต่อมาได้สร้างโรงเรียนขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว จนบัดนี้มีเด็กนักเรียนประมาณ 200 คนพร้อมกับสถานีอนามัยอยู่บนพื้นที่แห่งนี้สมเจตนารมณ์ของผู้ถวายทุกประการแล้ว หลวงพ่ออุ้นนอกจากจะเป็นพระนักปฏิบัติแล้ว ก็เป็นพระนักพัฒนา ผู้นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่สำนักสงฆ์ท่าไม้ลาย จากที่ว่างเปล่าให้กลายเป็นที่เจริญรุ่งเรืองด้วยการพัฒนาสถานที่ พัฒนาบุคคลไปพร้อม ๆ กัน แม้ถึงทุกวันนี้หลวงพ่ออุ้นยังไปมาสำนักสงฆ์อย่างสม่ำเสมอได้นำเอาผ้าห่ม เครื่องอุปโภคบริโภคไปแจกให้เด็กนักเรียนอยู่เป็นประจำ ผู้เขียนมีความศรัทธาในหลวงพ่ออุ้นมาก จากประวัติและปฏิปทาศีลวัตรของท่านนับว่าเป็นพระคณาจารย์ที่ดีพร้อมจริง ๆ
อุโบสถหลังเก่า ของวัดตาลกงมีอายุถึง 160 กว่าปี มีสภาพชำรุดทรุดโทรม หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม จึงได้ดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น ภายในอุโบสถหลังเก่านี้ อดีตเจ้าอาวาสวัดตาลกงได้นิมนต์ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์มาทำผงอิทธิเจ บรรจุได้ 1 โอ่ง ประมาณ พ.ศ.2447 และหลวงพ่ออุ้นได้นำมาเก็บรักษาไว้ ต่อมาในปีพ.ศ.2495 หลวงพ่ออุ้น จึงได้นำเอาผงพุทธคุณเก่ามาผสมกับผงที่ท่านได้ทำขึ้น แล้วบดผสมข้าวปากบาตรและข้าวก้นบาตร กดพิมพ์ทำเป็นพระผงสมเด็จคะแนนขึ้น โดยจุดประสงค์เพื่อเอาพระสมเด็จคะแนนที่สร้างขึ้นส่วนหนึ่งไปบรรจุในอุโบสถหลังใหม่ และส่วนหนึ่งแจกกับพุทธศาสนิกชนและศิษย์ให้เป็นสิริมงคล พระสมเด็จคะแนนนี้สร้างขึ้นจำนวนหลายหมื่นองค์ โดยได้ดำเนินการสร้าง ตั้งแต่ปีพ.ศ.2495 ติดต่อกันถึงปี พ.ศ.2497 รวม 3 ปี ในระหว่างนั้นหลวงพ่อผิวเป็นเจ้าอาวาสวัดตาลกงอยู่ ซึ่งอยู่ในวัยชราภาพแล้ว ได้ดำริควรจะสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น พร้อมทั้งงานพัฒนาเสนาสนะสงฆ์ที่ชำรุดทรุดโทรม โดยมอบให้หลวงพ่ออุ้นเป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบ ในด้านพัฒนาก่อสร้าง ดูแล ติดต่อสิ่งก่อสร้างซ่อมแซมสิ่งต่าง ๆ ภายในวัดโดยตลอด แล้วหลวงพ่ออุ้นได้ปรึกษากับท่านถึงเรื่องการสร้างพระสมเด็จเหม็น เพื่อนำปัจจัยมาสร้างอุโบสถหลังใหม่ แล้วได้นำมารวมกันทำการอธิษฐานจิตปลุกเสกเป็นเวลา 8 ปีเต็ม หลังจากนั้นก็ได้จัดส่วนต่าง ๆ ไว้ เช่น ไว้บนเพดานศาลา ใต้พระบูชาบนศาลา ส่วนใหญ่จะบรรจุอยู่ในอุโบสถหลังใหม่
พระสมเด็จคะแนนนี้หลวงพ่อได้เริ่มนำออกมาแจกให้พุทธศาสนิกชน ในปีพ.ศ.2505 เป็นต้นมา จนกระทั่งถึงปี 2511 ท่านก็หยุดจะมีบ้างก็ให้ประปราย เช่นคนที่มาจากต่างจังหวัดและประมาณ พ.ศ.2530 ท่านก็เก็บเงียบไม่แจกเลย และมาแจกอีกครั้งเมื่อต้นปีพ.ศ.2539 พระสมเด็จคะแนนตามที่ชาวบ้านตาลกงเรียกมาแต่แรกเป็นพระผงที่มีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยมและเสน่ห์สูงมาก
กิตติคุณบารมีธรรมและผลงาน
หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นพระเกจิอาจารย์อาวุโสรูปหนึ่งของเมืองไทยแม้จะเพิ่งเปิดเผยชีวประวัติเพียงไม่กี่ปีก็ตาม สำหรับสาธุชนในท้องถิ่นต่างรู้จักกิตติคุณของท่านมานานนับกว่า 30 ปีแล้ว
หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นแบบอย่างของพระภิกษุสงฆ์ที่เคร่งครัดธรรมวินัยมีศีลบริสุทธิ์ ประพฤติปฏิบัติธรรมตามแนวทางในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เป็นพระที่ไม่สะสม ไม่ปรุงแต่ง ไม่เคยยึดติดลุ่มหลงในยศถาบรรดาศักดิ์ ไม่ยึดติดในลาภสักการะ ท่านมีแต่สงเคราะห์ช่วงเหลือ แผ่เมตตาบารมี
ผลงานการสร้างเสนาสนะสงฆ์ตลอดทั้งถาวรวัตถุต่าง ๆ ปรากฎเป็นรูปธรรมมากมาย เช่น อุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฎิสงฆ์ ฌาปนสถาน สำนักสงฆ์ โรงเรียน ถนนหนทาง กำแพงวัด ฯลฯ ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนสำเร็จด้วยบุญฤทธิ์ของหลวงพ่ออุ้นทั้งสิ้น เคยมีพระเถระผู้ใหญ่มาขอร้องให้ท่านรับตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ ตำแหน่งเจ้าคณะตำบล ท่านปฏิเสธทั้งหมด เท่าที่ทาบพอลำดับประวัติตำแหน่งที่หน้าที่และสมณศักดิ์ได้ดังนี้
พ.ศ.2500 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจาจารย์
พ.ศ.2504ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอธิการอุ้น สุขกาโม เจ้าอาวาสวัดตาลกง
พ.ศ.2508 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูฐานานุกรมที่พระครูสังฆรักษ์อุ้น สุขกาโม
พ.ศ.2522 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่พระครูวินัยวัชรกิจ
พ.ศ.2531 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทที่พระราชทินนามเดิม

Bump: หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง

การสร้างวัตถุมงคล
หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม ท่านมีความรู้ความสามารถเชี่ยวชาญในไสยเวทพุทธาคม สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน มีญาณสมาบัติแก่กล้า มีวิชาทำวัตถุมงคล ทำผงอิทธิเจ ผงปัทมัง ผงมหาราช ผงหน้าพระภักษ์ ผงพระจันทร์ครึ่งซีก ผงยาเพชรจินดา ทำชินปรอท เล่นแร่แปรธาตุ สักยันต์ หุงสีผึ้ง ลงนะ บรรจุพลังเสือโคร่ง หนุมาน เสกลิงลม ขับคุณไสย ขับวิญญาณผีสิง วิชาเสกปลัดขก ตามตำราหลวงพ่อโศก วัดปากคลอง เรียนรู้และปฏิบัติได้ผลสำเร็จสุดยอดวิชาไสยเวทต่าง ๆ เหมือนพระเกจิอาจารย์โบราณคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในยุคอดีต เป็นเหตุปัจจัยทำให้วัตถุมงคลทั้งหมดของท่านได้มีพุทธคุณศักดิสิทธิ์ เข้มขลังหลายด้าน เช่นอยู่ยงคงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ และค้าขาย
การสร้างวัตถุมงคล พอกล่าวโดยสังเขป ๙ ประการคือ

1.การสร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นครั้งแรกของบรรดาวัตถุมงคลทั้งหมดคือ การสร้างพระผงสมเด็จเหม็น โดยเริ่มต้นการสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2495 และสิ้นสุดลงในปลายปีพ.ศ.2497 เวลาการสร้างถึง 3 ปี โดยหลวงพ่ออุ้นร่วมกับพระสงฆ์ภายในวัดตาลกงช่วยกัน ผงพุทธคุณที่นำมาผสมทำพระสมเด็จเหม็นในครั้งนั้น มีผงอิทธิเจหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ เป็นผงเก่าแก่ที่ได้มาทำไว้ในอุโบสถหลังเก่าของวัดตาลกง ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อแก้วอยู่ที่วัดปากทะเล ผสมกับผงพุทธคุณของหลวงพ่ออุ้น แล้วนำมาหมักผสมกับข้าวสุกจากปากบาตรและก้นบาตรของพระสงฆ์ที่ได้บิณฑบาตมา
การหมักนั้น ถ้าครั้งใดหมักทิ้งไว้หลายวันก็จะมีกลิ่นเหม็นมากและถ้าหมักไว้ชั่วข้ามคืนจะมีกลิ่นเหม็นน้อย จึงเป็นเหตุให้พระสมเด็จเหม็นมีกลิ่นเหม็นมากน้อยไม่เท่ากัน พระผงสมเด็จเหม็นสร้างประมาณ 84,000 องค์ ส่วนหนึ่งได้บรรจุอยู่ในอุโบสถหลังใหม่ประมาณ 45,000 - 50,000 องค์ และอยู่บ้างนอก เช่นเพดานศาลา ใต้ฐานพระและที่ท่านเก็บรักษาไว้รวมประมาณ 35,000-40,000 องค์และได้นำออกให้บูชา ถึงปัจจุบันก็มีเหลือไม่มากแล้ว
พระสมเด็จเหม็น มีการลองเนื้อจะมีเนื้อออกแน่นออกแก่น้ำมัน มีเนื้อออกน้ำตาล ออกแดง ในส่วนที่ลองเนื้อลองพิมพ์เป็นวัตถุมงคลส่วนน้อย เอามาเป็นหลักในการเล่นหาไม่ได้ จะต้องเอาเนื้อหารูปแบบโดยรวมของวัตถุมงคลส่วนใหญ่มาเป็นหลักมาตรฐาน
หลังจากการสร้างพระผงสมเด็จเหม็นแล้ว การสร้างพระผงต่าง ๆ มีต่อมาอย่างต่อเนื่อง เช่นพระผงสมเด็จ 7 ชั้น เนื้อเหม็น พระสมเด็จ 9 ชั้น เนื้อผสมแร่ พระผงสมเด็จขี่เสือเนื้อผง และเนื้อผงผสมแร่พรหมชะแง้ พระสมเด็จ 7 ชั้น สีแดง พระผง ชุดผงอิทธิเจ เช่นพระขุนแผน 5เ หลี่ยม พระขุนแผนทรงพลไหล่อุ พระผงยอดขุนพล พระสมเด็จเสื้อกั๊ก พระปิตตาลอยองค์ พระปิตตานะปัดตลอด และต่อมายังมีพระขุนแผนยันต์เดียว เนื้อผงคลุกรัก เนื้อผงผสมเส้นเกศา พระปิตตาลอยองค์ใหญ่และเล็ก และพระผงปิดตตานะปัดตลอดยันต์จม เนื้อผงคลุกรัก และเนื้อผงผสมเส้นเกศา พระผงเนื้อสังขยา ได้แก่พระผงสมเด็จ 5 ชั้น อกร่องหูบายสี พระพิมพ์บัวคว่ำบัวหงาย พระผงหน้าฤๅษีหลังราชวัฒน์ และยังมีพระผงพระปิตตาหลังแบบ เนื้อผงสมผงแร่พรหมชะแง้ พระรอดเนื้อผงชานหมาก พระผงสมเด็จใหญ่ขนาดบูชาและพระผงชุดผงเพชรจินดา อีกจำนวน 5 พิมพ์ 1. พระซุ้มขุนพลใหญ่ 2. พระซุ้มขุนพลเล็ก 3. พระร่วงนั่ง 4. พระพิมพ์เล็บมือ 5. พระงบน้ำอ้อย ฯลฯ
นับรวม ๆ กันแล้วจะมีพระผงอยู่ประมาณ 26 ถึง 30 พิมพ์ในอดีต และต่อเนื่อจนถึงปัจจุบันปี 2550 เกือบประมาณกว่า 50 พิมพ์ ขาดตกบกพร่องไปบ้างก็ขออภัย แต่ให้ทราบไว้ว่า พระเนื้อผงของท่านจะมีผงพุทธคุณเก่านำลงผสมในเนื้อทุกชุด

2.การสร้างวัตถุมงคลด้วยเนื้อแร่เขาพรหมชะแง้ ซึ่งมีวัตถุมงคลหลายอย่าง เช่น พระสมเด็จปรกโพธิ์ พระสมเด็จขี่เสือใหญ่ เสือเล็ก พระสมเด็จคะแนนนางควัก พระสีวลี และปลัดขิก แร่เขาพรหมชะแง้เป็นเพียงสินแร่ ก่อนจะสร้างเป็นพระพิมพ์ได้ จะต้องมีการหลอมเหลว การหลอมจะต้องมีสูตร ถ้าทำไม่ถูกสูตรแร่พรหมชะแง้จะกลายเป็นผงธุลี เหมือนเผาหินทำปูนขาว หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม ท่านมีวิชา มีสูตรในการหลอม โดยใช้วัสดุกำกับด้วยไสยเวทมนตร์คาถา เมื่อสามารถหลอมทำให้แร่เหลวเป็นน้ำแล้วก็หล่อเป็นวัตถุมงคลต่าง ๆ เมื่อเสกด้วยเวทมนตร์จะเกิดพลังศักดิ์สิทธิ์เป็นวัตถุกายสิทธิ์ มีพุทธคุณครอบจักรวาลเหมือนดังเหล็กไหล

3.การสร้างเหรียญรูปไข่รุ่นแรกขึ้นในปีพ.ศ.2540 มี 4 เนื้อ ทองคำ เงิน นวะ และเนื้ออัลปาก้า เป็นเหรียญที่มีพุทธคุณสูง มีประสบการณ์มากมายเป็นที่ยอมรับของวงการนักนิยมพระเครื่อง เป็นเหรียญที่มีค่านิยมสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ ซึ่่งยังไม่เคยมีปรากฎการณ์เช่นนี้มาก่อน และต่อมาได้มีการสร้างเหรียญอีกต่อเนื่อง หลายรุ่น จนถึงปีพ.ศ.2550 (รุ่นสุดท้าย)

4.การสร้างวัตถุมงคล รุ่นพลังพุทธคุณ ในปีพ.ศ.2542 ซึ่งมีพระกริ่ง 3 พิพม์ และเหรียญหล่อ 1 พิมพ์ มีพระกริ่งตั๊กแตนใหญ่ พระกริ่งบาเก็ง พระกริ่งจีนสมาธิ และเหรียญหล่อสุริยะประภาจันทรประภา เป็นการสร้างพระกริ่งขึ้นเป็นครั้งแรกของพระกริ่งหลวงพ่ออุ้นทั้งหมด และเป็นวัตถุมงคลรุ่นที่หลวงพ่อท่านได้เป็นผู้เททองในการหล่อวัตถุมงคลรุ่นนี้ มีแผ่นทองลงอักขระเลขยันต์ โดยพระเกจิอาจารย์และพระคณาจารย์ต่าง ๆ ทั่วประเทศจำนวน 139 รูป
แผ่นทองลงเลขยันต์ตามตำรับหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ลงโดยหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม จำนวน 108 แผ่น แผ่นทองลนะ 108 ยันต์ปัทมัง 14 โดยพระคณาจารย์สายสังฆราชแพ และแผ่นทองลงยันต์สุดยอดมหายันต์ โดยหมอไสยศาสตร์สายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ตะกรุด เหรียญ ห่วงเหรียญ ชนวน ในการหล่อพระกริ่งและพระประธานอีกจำนวนมาก และจะได้นำเอาเนื้อและชนวนที่เหลือจากการสร้างวัตถุมงคลรุ่นนี้ไปเป็นชนวนสำหรับผสมลงในการสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อในรุ่นอื่นต่อเนื่องมา
สำหรับรูปหล่อโบราณรุ่น ๑ เหรียญหล่อเสมาและเหรียญหล่อนั่งเต็มองค์ รุ่น๑ ทั้งหมด 3 พิมพ์ในช่วงนั้น มียอดจำนวนการสร้างน้อยมาก สร้างในปีพ.ศ.2540 หลังออกเหรียญปั๊มรุ่นแรก มีพุทธคุณดีมาก อนาคตจะหายากที่สุด

5. การสร้างพระเนื้อชินปรอท สร้างในปีพ.ศ.2544 จำนวน 2 พิมพ์ คือ
5.1 เหรียญหล่อซุ้มขุนพลเ็ล็ก
5.2 พระสังกัจจายน์ ได้สร้างตามตำรับวิชาผสมปรอทแบบโบราณ เป็นวิชาที่โดดเด่นด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี และป้องกันคุณไสย และอาเภทภัยทั้งปวง สำหรับเนื้อชินปรอทนื้ทำยากมีการสร้างวัตถุมงคล 2 พิมพ์ นี้ไว้เพียงอย่างละ ประมาณ 200-300 องค์เท่านั้น

6.การสร้างวัตถุมงคลเนื้อผงยาเพชรจินดา มีวัตถุมงคล 5 พิมพ์
6.1 พระซุ้มขุนพลใหญ่
6.2 พระซุ้มขุนพลเล็ก
6.3 พระร่วงนั่ง
6.4 พระพิมพ์เล็บมือ
6.5 พระงบน้ำอ้อย
ที่จริงแล้วผงยาเพชรจินดาเป็นยารักษาและบำรุงหัวใจและขับลม เป็นสูตรยาที่ตกทอดมานานแล้ว ซึ่งสันนิษฐานว่าจะไม่แตกต่างกับผงยาจดินดามณีของหลวงปู่บุญมากนัก ได้ถูกนำมาสร้างเป็นวัตถุมงงคลจนขึ้นชื่อลือชา อย่างเช่น พระผงยาจินดามณีของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เป็นต้น

7.การสร้างเครื่องลางต่าง ๆ มีการสร้างมากขึ้น ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง พ.ศ.2543-2544 และต่อเนื่องมาในพ.ศ. 2545-2550 (รุ่นสุดท้าย) เช่น ผ้ายันต์ ตะกรุด หนุมาน ปลัดไม้แกะ ลิงลม ฯลฯ

8.การสร้างล็อกเกตรูปนั่งเต็มองค์ รุ่น๑ หลังบรรจุผงพุทธคุณ สร้างจำนวน 300 กว่าเหรียญสำหรับล็อกเกตรูปครึ่งองค์ รุ่น๑ เป็นรุ่นที่สร้างพิถีพิถันมีตะกรุด 5 ดอก 3 ดอก บรรจุพุทธคุณและเส้นเกศาผสมขี้ตะไบชนวนหล่อรุ่นพลังพุทธคุณสร้างทั้งหมด 332 เหรียญ และในปีต่อ ๆ มาทางวัดได้จัดสร้างล็อกเกตต่อเนื่องมาถึงปีพ.ศ.2548

9.สรุปการสร้างวัตถุมงคล รุ่นต่าง ๆ ของหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม อาจเห็นว่ามีมากพิมพ์พอสมควร แต่ยอดจำนวนการสร้างแต่ละพิมพ์นั้นมีน้อยมาก ซึ่งทางวัดตาลกงได้ จัดสร้างวัตถุมงคลที่ออกมาในนามหลวงพ่ออุ้น ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2495 ถึง ปีพ.ศ. 2550 (รุ่นสุดท้าย) แล้วนั้น ซึ่งทางวัดได้จัดทำหนังสือชีวประวัติและประมวลภาพวัตถุมงคลทุกรุ่นของหลวงพ่ออุ้น ไว้ ก็ขอให้ท่านได้โปรดใช้การพินิจพิจารณาดูให้ถ่องแท้ โดยขอให้ทุกท่านได้ยืดถือ หนังสือประมวลภาพของทางวัดไว้เป็นแนวทางในการศึกษาและเก็บสะสมวัตถุมงคลของหลวงพ่ออุ้น เพราะหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม ท่านเป็นพระสุปฏิัปันโน ที่เปี่ยมล้นด้วยเมตตา มีผู้ใดนำวัตถุมงคลมาให้ท่านปลุกเสก ท่านจะเสกให้ทุกรายไปแต่หาใช่ว่าวัตถุมงคลเหล่านั้นเป็นของท่านเสมอไป

ประสบการณ์วัตถุมงคล
หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นพระสุฎิปันโนที่สมบูรณ์แบบด้วยปฏิปทาศีลวัตร สัจคุณ นอบน้อมถ่มตน ไม่โอ้อวดถือตัว มีเมตตาบารมีสูง เป็นที่พึ่งของศิษยานุศิษย์และญาติโยมสาธุชนทั่วไป ในด้านวัตถุมงคลของท่านมากประสบการณ์ทั้งด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ปราบคุณไสย ได้ผลประจักษ์ชัด ท่านสร้างขึ้นเพื่อเน้นพุทธคุณ ด้านคุ้มครองป้องกันภัย แม้จะเป็นพระใหม่ที่มีการสร้างเพียงไม่กี่ปี ก็จัดว่าเป็นพระใหม่มาแรงพุทธคุณสูงได้รับความนิยมมาก ผู้ที่นำไปบูชาต่างยืนยันถึงประสบการณ์ ดังเรื่องที่รวบรวมนำเสนอต่อไปนี้

1.ยิงไม่เข้า ยิงไม่ออก
สิบโทมานะ เป็นตำรวจตะเวนชายแดน จังหวัดยะลา ได้เดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่ออุ้น พร้อมกับเล่าประสบการณ์ของตนเองให้ถึงเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่ออุ้น ที่ห้อยคออยู่เป็นประจำให้ หลวงพี่แดง วัดตาลกงฟังว่า "เมื่อต้นเดือนมิถุนานยน 2541




ขอกราบขอบพระคุณ หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เจ้าอาวาสวัดตาลกง จ.เพชรบุรี
หลวงพี่แดง พระเลขาวัดตาลกง

คุณ มนตรี แก้วพิจิตร ผู้เอื้อเฟื้อภาพและข้อมูล
ทีมงานผู้จัดสร้างวัตถุมงคลและทีมงานจัดสร้างหนังสือรวมเล่ม ฉบับ 1-4 รุ่นสุดท้ายปี2550


ที่มา http://www.pnt19.com/biography/39