ช่างกลึงต้องพึ่งพาช่างชัก
ช่างสลักต้องพึ่งพาช่างเขียน
ช่างติ ช่างเตียนไม่ต้องพึ่งพาใคร
นายตอด ช่างติ เป็นฉายาที่เพื่อนพร้องเรียกขาน ชื่อ " ตอด" เป็นชื่อเล่นที่พ่อแม่ตั้งให้ตั้งแต่แบเบาะ ส่วนที่ต่อท้ายว่า
ช่างติ เป็นฉายาที่ผู้คุ้นเคยตั้งให้ตามอุปนิสัยที่ติดตัวมา คือไม่มีสิ่งใดดีไม่ว่าจะเป็นคน หรือสัตว์ หรือสิ่งของ ถ้าจะมี จะได้ จะเป็น จะได้รู้ ได้เห็น เป็นต้องติไปเสียทุกอย่าง ถ้าจะมี ชม จากปากคุณตอดสักครั้ง ถือว่าวันนั้นฝนฟ้าจะตกผิดฤดูกาล เพื่อนฝูงวิจารณ์ว่ากันอย่างนั้น นายตอดหรือคุณตอด มีชื่อจริงว่านายสมประสงค์ ชื่อจริงใช้เฉพาะในหน้าที่การงาน ที่คุณตอดเธอรับราชการอยู่ หรือเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องเกี่ยวข้องกันในแวดวงของธุระการงานเท่านั้น
ในกลุ่มเพื่อนรุ้นเดียวกันหรือที่สนิทกันจริง ๆ มักเรียก อ้ายตอด หรืออ้ายคุณตอด ช่างติ
ในแวดวงศาคณาญาติเรียก ตอด เฉย ๆ หรือไม้ก็พี่ตอด น้าตอด อาตอด ว่ากันไปตามศักดิ์
ในกลุ่มลูกน้องภาคสนามที่อยู่ไต้บังคับบัญชาของคุณตอด ต่อหน้าเรียก นาย ลับหลังเรียก นายช่างติ หรือนายช่างตอด ชอบติ
การที่ได้ออกมารวมกลุ่มนินทานาย ถือเป็นการระบายความเครียดอย่างหนึ่งของผู้อยู่ไต้บังคับบัญชา เพราะถูกนายด่า นายติตลอดเวลาทำงาน
เวลาที่ทำดีนายก็ไม่เคยชม แต่ผิดนิดผิดหน่อย นายจะติ จะตอด จะด่าเป็นประจำ นายติ่งเจ้าหน้าที่ประจำภาคสนามนายหนึ่ง ระบายความอัดอั้นตันใจ
ประวัติส่วนตัวของคุณตอด เพื่อนสนิทคนหนึ่งของคุณตอดเล่าว่า คุณตอดเธอเป็นลูกโทนของครอบครัวผู้มีอันจะกิน แต่ต้องกำพร้าบิดา มารดา เพราะพ่อแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตั้งแต่คุณตอดอายุได้เก้าขวบ จากนั้นคุณตอดได้อยู่ในความดูแลของพี่สาวลูกของลุง
พี่ต้อยครอบครองมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ ว่ากันว่ากินสิบชาติก็ไม่หมด มีผู้คาดหวังกันล้วงหน้าว่า คุณตอดจะเป็นทายาทรับเละ รวย ๆ ลูกเดียว จากสินทรัพย์ของพี่บวกของส่วนตัว
พี่ต้อยมีอคติกับผู้ชายทั้งโลก ว่าไม่มีใครดีพอที่เธอจะฝากชีวิตไว้ให้ได้ เพราะกลัวว่าชายใดที่จะมาแต่งงานกับเธอล้วนแล้วจะมาล้างผลาญสมบัติของเธอ เธอจึงครองตัวเป็นโสดเรื่อยมา
เมื่อได้ตัวน้องตอดมาอยู่ด้วย ความที่อายุอานามระหว่างน้องกับพี่ต่างกันถึงสองรอบขวบปี เด็กชายตอดจึงถูกประคบประหงมดุจลูกแหง่ พี่ต้อยเป็นคนละเอียดละออ เจ้าระเบียบอีกทั้งจู้จี้ขี้บ่น ถ้าพี่สอนอะไรให้ฟังต้องปฏิบัติตาม ห้ามออกความเห็น ห้ามเถียง เป็นอยู่อย่างนี้ ตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ คุณตอดเลยกลายเป็นคนเก็บกด
เมื่อเก็บกดจากทางบ้านมาก ๆ เข้า นิใสก้าวร้าว มองโลกในแง่ร้ายก็ถูกปลดปล่อยในวัยเรียนจนถึงวัยรุ่น ติดนิสัยมาถึงวัยทำงาน
อาศัยที่คุณตอดเป็นคนสมองดี เรียนหนังสือเก่ง เมื่อเรียนจบเข้ารับราชการในกรมใหญ่ก็ได้บรรจุในตำแหน่งที่เหมาะแก่วิชาที่ได่เล่าเรียนมา คือคุณตอดจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อของประเทศ
เมื่อทำงานก็รับผิดชอบ กับเจ้านายก็รู้จักพินอบพิเทา ตำแหน่งหน้าที่การงานก็ได้เลื้อนขั้นจนได้เป็นหัวหน้าหน่วยงานใหญ่คุมงานภาคสนามมีลูกน้องเยะ !
คนที่รู้ใจจริง ๆ จะรู้ดีว่าคุณตอดเธอเป็นคนปากร้าย แต่ใจดี มีน้ำใจ เสียแต่ที่ปากเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณตอดเธอมักบ่นอย่างน้อยอกน้อยใจว่า ทำคุณกับคนไม่ขึ้น กาลเวลาผ่านไปจนอายุย่างเข้าวัยกลางคน เพื่อนร่วมรุ่น เพื่อนรุ่นน้อง เขาต่างมีครอบครัว มีหลักมีฐาน มีลูกสองบ้าง ลูกสามบ้าง ที่เจ้าชู้ก็มีเมียสองลูกห้า เมียสามลูกเจ็ด แต่คุณตอดก็ยังเป็นคุณตอด ที่มุ่งมั่นขยันทำแต่งาน เพื่อนฝูงไม่เคยได้ระแคะระคายเรื่องคุณตอดรักใครชอบใครเป็นพิเศษ ทั้ง ๆ ที่คุณตอดมีคุณสมบัติเป็นที่หมายตาของหญิงสาวทั้งสวยทั้งไม่สวยในกรมกอง ที่ให้ความสนใจหลายคนอยู่ แต่คุณตอดเธอก็คบหาเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ไม่มีอะไรพิเศษมากไปกว่านั้น จนเพื่อน ๆ แอบนินทาลับหลัง
กูว่าอ้ายตอด ถ้ามันไม่เบี่ยงเบนทางเพศ มันก็ต้องเป็นคนช่างเลือก...ก็ปากมันเหมือนกระโถน ปากแตร เที่ยวไล่ตอด ไล่จิก ไล่ติ เมียชาวบ้านเมียเพื่อนเป็นรายตัว กูจะคอยดูว่าเวรกรรมมีจริงไหม? หรือว่าอ้ายคุณตอดมันจะกลัวเรื่องเวรเรื่องกรรม เลยไม่กล้ามีเมียเหมือนคนอื่น ๆ
เสียงนินทาของเพื่อนลอยตามลมเข้าหูคุณตอด คุณตอดเธอเปรยขึ้น เมื่อพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อนซี้ ดูพวกมึงจะมาห่วงเรื่องส่วนตัวของกูมากเกินไปเสียแล้ว ถามคำหนึ่งว่า การที่กูจะมีเมียหรือไม่ มันหนักส่วนไหนของพวกมึงนักหรือไง ทุกคนย่อมมีเหตุผลเฉพาะตัว ตราบใดที่ไม่ไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ขอให้เลิกวิจารณ์ เรื่องจะมีหรือไม่มี เมีย ของกูได้แล้ว
คุณตอดเธอพูดอย่างมีอารมณ์ ทำเอาผองเพื่อนมองตากันปริบ ๆ เสียงกระซาบถามไถ่กันว่า
วันนี้อ้ายตอด มันกินยาผิดสำแดงมารไง? อันที่จริงเรื่องที่เพื่อนพากันนินทานายตอด ไม่ใช้เรื่องเกินความจริง เพราะเหตุที่ว่าในสายตาของคุณตอด เธอมีข้อตำหนิเมียเพื่อนเป็นรายบุคคล ไม่มีใครดีพอที่จะให้คะแนนนิยม มีแต่ข้อเสียมากน้อยต่างกัน
เริ่มตั้งแต่ ภรรยาคุณประวัติ คุณตอดเธอวิจารณ์ว่า เมียอ้ายหวัดยังกะตู้ทองเคลื่อนที่ ไม่รู้จะใส่เพชร ใส่ทองไปอวดใครกันนักหนา แหวนเพชรใส่เข้าไปทั้งนิ้วนาง นิ้วกลาง นิ้วก้อย สร้อยข้อมือ กำไลทองเอย ยังแถมสายสร้อยเส่นเท่าโซ่ แขวนพระเลี่ยมทองล้อมเพชร บรรทุกเข้าไปเพียบ แปร้ กูละเสียวแทนว่า
วักวันคงโดนดี ไม่ถูกอุ้มก็ถูกตัดอวัยวะ ไม่ส่วนข้อมือก็คอจะหลุดจากบ่า...

ภรรยาคุณสมนึกเพื่อนรัก ถูกคุณตอดวิจารณ์ ว่า เมียอ้ายนึกก็เหลือเกิน พอกหน้าทาแป้งทาแก้ม ทาปากแดงแจ๋ ยังกะงิ้วหลงโลง...
เมียอ้ายตึ๋ง ก็อ้วนเป็นพะโล้ เวลาเดินมาแต่ไกล กูคิดว่าตุ่มเดินได้ !
เมียอ้ายแหวง ก็ปากยังกะตะไกรโรงพยาบาล
เมียอ้าย......ฯลฯ
เสียงวิภาควิจารเมียเพื่อนเป็นรายตัว มีหรือจะไม่สร้างความโถรธแค้นเพื่อน ทั้ง ๆ ที่คำวิจารณ์ก็สร้างความเจ็บแค้นโกรธขึง แต่ก็ได้แต่เก็บความเจ็บความแค้นระบายสู่กันในกลุ่มแม่บ้านที่ถูกนินทาว่าร้าย ก็เท่านั้นเอง !

โดยเฉพาะภรรยาคุณแสวงที่ชื่อคุณวิไล ฉายาปากตะไกรโรงพยาบาล ทีคุณตอดตั้งให้ จะออกอาการมากกว่าใคร ๆ เธอประกาศก้องในกลุ่มของเธอว่า
ถึงฉันจะได้ชื่อว่าเป็นปากตะไกรโรงพยาบาล ก็ยังทำประโยชน์ ช่วยชีวิตคนไข้ได้ ถามคำหนึ่งว่า อี่ตาตอดนะจะเป็นได้จะเป็นได้ก็แค่ตะไกรสนิมจับเขลอะ เที่ยวไล่ทิ่มไล่แทงคนลับหลัง พวกที่ถูกวิจารณ์ทุกคน ต่อไปนี้ต้องหมั่นออกกำลังกาย รักษาสุขภาพให้แข็งแรง อย่าเพิ่งรีบตายนะ ต้องมีชีวิตอยู่ คอยดูคู่ของคุณตอดว่าจะสวย วิลิศมาหราสักปานใด อย่าได้ไปคว้าเอาปากแหว่ง จมูกโหว่ หรือหูหนวกเป็นใบ้ หรือไม่ก็ เป็นประเภทสาวงามทรามปัญญา มาเป็นคู่ตุนาหงันก็แล้วกัน ถึงวันนั้นก็ต้องทีใครทีมันละ !
อันที่จริงคุณตอดเธอเป็นคนประเภทปากร้ายใจดี ทำคุณกับเพื่อนไว้มาก เป็นต้นว่าเพื่อนคนใดขาดแคลน ติดขัด ไม่ว่าจะเรื่องเงินทอง หรือเรื่องฝากลูกเข้าเรียนในโรงเรียนดังที่คุณเธอคุ้นเคย เมื่อเพื่อนมาขอร้องให้ช่วย ไม่เคยขัดข้อง แต่ก่อนที่จะช่วย ก็ขอให้ได้ด่า พอหอมปากหอมคอ ผลสุดท้ายก็จะช่วยทุกรายไป ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าคุณตอดจะด่าใคร นินทาใคร ไม่มีใครถือสา อย่างมากก็แค่ด่ากลับชนิดนินทาลับหลัง เพื่อความสะใจเท่านั้น
คุณตอดเธอเคยพูดเป็นเชิงน้อยใจว่า ทำคุณกับคนไม่ขึ้น ก็จริงบางส่วน บางส่วนที่ไม่จริงก็เพราะวาจาเป็นพิษเท่านั้น ฟังได้จากวงสนทนาของประดาลูกน้องคุณตอดที่แอบเม้าท์นายในวงสุรา

นายมวล คนขับรถประจำตำแหน่ง คุยว่านายตอดนี่ถึงคราวจะใจดี ก็ดีฉิบ...แต่เสียตรงที่ชอบด่า เวลากูเงินขาดมือ ลูกไม่สบายเมียไปหาหมอที่คลีนิก เสียทีเป็นห้าร้อยเป็นพัน กูออกปากขอนาย ก่อนจะให้นายด่ากูเสียยับ อ้ายเวรตะไล อ้ายเฮี้ย อ้าย...เวลาพวกมึงมีความสุข ไม่เห็นแบ่งปันให้กู เวลามีทุกข์ก็ไม่พ้นมือกู...กูขอห้าร้อยด่ากูพันห้า หักกลบลบกัน นายเป็นหนี้กูอีกพันหนึ่ง !
นายมวลทำสุ้มทำเสียงเรียนแบบนาย พร้อมสรุปบุญคุณที่นายให้ นายช่วยไม่มีเหลือ เพราะไปหักค่าด่าเกินค่าเงินช่วย อย่างนี้เป็นต้น
สรุปได้ว่า คุณตอดเธอทำคุณกับคนได้ทั้งบวกได้ทั้งลบ ที่ว่าได้ ก็คือหัวใจ จงรักภักดีจากก้นบึ้งของความรู้สึก ว่าถ้ามีอะไรเกิดกับนายทุกคนพร้อมจะยืนเคียงข้างนาย ไม่เพียงแต่ลูกน้อง แม้แต่ผองเพื่อนก็ต่างซาบซึ้งในความมีน้ำใจของคุณตอด ไม่ว่าคนในครอบครัวของลูกน้องหรือของเพื่อน ถ้านายตอดรู้ว่าเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นไม่เคยว่างเว้นที่จะไปเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นที่โรงพยาบาล หรือที่บ้าน เยี่ยมไม่เยี่ยมเปล่า ยังมีของกินสำหรับคนป่วย สำหรับคนเฝ้าไข้ แถมค่ารักษาพยาบาลสำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อยอีกต่างหาก นี่คือส่วนดีของคุณตอด ที่ทุกคนยอมรับ

คุณตึ๋งเป็นเพื่อนที่คุณตอดเธอรักมากที่สุด ขนาดเคยไปกินไปนอนที่บ้านคุณตึ๋ง เพราะคุณน้อยที่คุณตอดวิจารณ์ว่า อ้วนเป็นพะโล้น่ะ เป็นคนมีฝีมือในเรื่องการทำอาหารหวานคาว ถูกปากถูกใจใครต่อใครทีได้ลิ้มลอง บวกกับที่คุณน้อยเธอเป็นคนมีอัธยาศัย ใจเย็น ยิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับขับสู้ รับรองเพื่อน ๆ ของสามีด้วยเหล้ายาปลาปิ้ง กับข้าวรสเลิศ คุณตอดหนุ่มโสดไม่ห่วงจึงถูกคุณตึ๋งเธอชวนให้นอนค้างทุกครั้งที่มีการพบปะสังสรรค์กันเป็นประจำ

อ่านต่อตอนหน้า