โลกหมุนไปวันหนึ่งๆ พร้อมด้วยความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เวลายิ่งผ่านไป ของใหม่ๆ ยิ่งผ่านประเดี๋ยวมีประเดี๋ยวจนวนกันไปไม่มีที่สิ้นสุดลงได้ ของใหม่ๆ ยิ่งนานไปก็กลับกลายเป็นของเก่า สิ่งที่ไม่เคยมีและไม่เคยปรากฏก็เกิดมีเป็นขึ้นมามาได้ ดังที่เห็นและเป็นอยู่ทุกวันนี้ กาลเวลายิ่งผ่านเลยไป ปัจจุบันก็ค่อยๆ เลื่อนไปเป็นอดีดอนาคตก็เคลื่อนมาเป็นปัจจุบัน ชีวิตซึ่งคล้ายดอกไม้คลี่กลีบแย้มบานรับน้ำค้างประพรหม รื่นเริงราวกับผีเสื้อซึ่งร่อนร่ายโผบินจากผกางามไปยังดอกอื่น มีกำลังวังชาแข็งแรงเต็มไปด้วยความหวังอันแจ่มใส ทะเยอทะยานในชีวิต........สิ่งเหล่านี้ยิ่งนานผ่านจากวินาทีไปเป็นนาที จากนาทีเป็นชั่วโมง จากชั่วโมงเป็นวัน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ตามมติสมติของชนทั้งหลาย
เมื่อผ่านจากความหมุนเวียนของโลก เช่นนี้ จากหนุ่ม - สาว ก็ค่อยกลายเปลี่ยนจากสภาพเดิมเป็นแก่ เนื่อหนังค่อยเหี่ยวย่น ความแขงแรงกระปี้กระเปร่าก็ชักจะล่าช้าเฉื่อยชราลงโดยลำดับ........ดวงหน้าซึ่งเคยอิ่มเอิบสดใส ก็เหี่ยวย่นเป็นริ้วเป็นรอย ความคิดอ่านตวามหวัง ความทะเยอทะยาน และความสดชื่นแข็งแรง....ก็ค่อยๆหมดไปนับวันแต่จะคอยเวลาหามฤตยู คือเวลาแห่งความตายที่จะมาฉุดคร่าชีวิตออกจากร่างไปในที่สุด กรรมอันเป็นบุญและบาปซึ่งเคยอบรมสร้างสมมาแต่ชาติปรางก่อน หรือชนิดที่ว่าเป็นไปตามลิขิตแห่งกรรม อันเป็นเครื่องกำหนดขีดขั้นชตาของมนุษย์ไว้ ดังนั้นความหมายของชีวิตเราก็คือ เกิดมาเพื่อตายเท่านั้น เพราะยังไม่เคยปรากฏว่าผูใดสามารถอยู่ดูความเปลี่ยนแปลงในโลกใบนี้ตราบชั่วจนโลกสลาย ความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายแหล่เป็นเหตุให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นในโลกดังกล่าวมา จึงจัดเข้าอยู่ในอุบัติการณ์ที่เรียกว่า
โลกนิจัง