มีเด็กวัดหูตึงอยู่คนหนึ่ง วันหนึ่งท่านสมภารได้สั่งว่า
"ไปที่หมู่บ้านแล้วขอยาสูบเขามาให้หน่อย"
เด็กวัดหูตึงคนนั้นฟังไม่ถนัด นึกว่าท่านสมภารบอกให้ไปขอน้ำปลา
จึงไม่ได้ชักถามให้แน่ ออกเดินไปที่หมู่บ้านทันทีเด็กวัดได้พบหญิง
หูตึงคนหนึ่งกำลังทอเสื่ออยู่ที่หน้าบ้านจึงพูดว่า

"นี่เธอ ขอน้ำปลาให้ท่านสมภารของฉันหน่อยเถอะ"

เสื่อของฉันเพิ่งทอไปได้สามร้อยยี่สิบเส้นเท่านั้นเอง" เด็กหญิงหูตึงตอบ

"ไม่จำเป็นต้องยุ่งอะไรหรอก" เด็กวัดตอบ "ถ้าเธอมีธุระฉันไปเอาเองก็ได้"
พูดแล้วเด็กวัดก็เข้าไปในครัวตักน้ำปลามาหม้อหนึ่ง แล้วก็กลับวัด

เด็กหญิงเห็นเด็กวัดถือน้ำปลาไปเช่นนั้น ก็วิ่งไปหาแม่ซึ่งกำลังซักผ้าอยู่
แล้วบอกว่า

"แม่ แม่จ๋า ไปที่วัดเถอะ แล้วบอกท่านสมภารว่าลูกศิษย์ของท่านโขมย
ของไป เด็กวัดมาถามถึงเรื่องทอเสื่อ แต่แล้วกลับเข้าไปในครัวโขมยน้ำปลาวิ่งหนีไป"

"อุตริ" แม่ซึ่งเป็นคนหูตึงเหมือนกันดุเอา "แกมันยังเล็กนักยังไม่สมควรคิดถึงเรื่อง
แต่งงาน ฉันจะหาผัวให้แกเอง เมื่อแกโตแล้ว"

เด็กหญิงกลับไปทอเสื่อ ส่วนแม่ก็คงซักผ้าต่อไป

ข้างฝ่ายแม่นั้น นิ่งคิดอยู่ตลอดเวลา และเห็นว่าเรื่องที่ลูกสาวพูดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ
ที่จะต้องแจ้งให้สามีทราบ ดังนั้นจึงได้วิ่งไปหาสามีซึ่งกำลังสานตระกร้าอยู่

"พ่ออี่หนู พ่ออี่หนู" หล่อนตระโกน "ลูกสาวของเรากำลังคิดเรื่องสำคัญ นังหนูเพิ่ง
มาบอกฉันให้หาผัวให้เมื่อกี้นี่เอง ทั้ง ๆ ที่ยังเด็กอยู่ ฉันกลัวว่าพ่ออี่หนูจะไปตีมันเข้า"

สามีซึ่งเป็นคนหูตึงเหมือนกัน เมื่อได้ยินภรรยาพูดเช่นนั้นก็ยิ้มทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจแล้ว
พูดตอบไปอีกคนละทางหนึ่งว่า

"แกก็ไม่น่าจะมาแก้ตัวนี่นะ เพราะแกมันผิดเอง ตระแกรงมันก็ต้องทำกลม ๆ กระบุงใส่ข้าวต่างหากหละที่ทำเป็นสี่เหลี่ยม"

เรื่องนี้ก็เข้าทำนองนิทานไทยว่า ไปไหนมาสามวาสองศอกนั่นเอง คือตอบไม่ตรงคำถาม เพราะฟังไม่ถนัด ตอบไปตามที่ตนเข้าใจเอาเอง จึงกลายเป็นคนละเรื่อง



( จากนิทานพม่า ของ ส.พลายน้อย)