จุดแม่น้ำโขงด้านอำเภอโขงเจียมที่เคยมีปรากฏการณ์ลูกไฟผุดขึ้นจากลำน้ำโขง
อุบลราชธานี-นายอำเภอโขงเจียม จ.อุบลฯ ท้าร่วมพิสูจน์ปรากฏการณ์ธรรมชาติ "บั้งไฟพญานาค" ผุดจากกลางแม่น้ำโขง ยันเห็นลูกไฟพุ่งผ่านเรือตรวจการณ์ นรข.ที่ลอยลำพิสูจน์ความจริงอย่างใกล้ชิด ออกพรรษาปีนี้พร้อมจัดสถานที่รองรับนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่าหมื่นคน
นายสุรพล กอมณี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ห้วยไผ่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี กล่าวถึงการพบปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคในแม่น้ำโขงในปี 2549 ว่า มีการพบเห็นบั้งไฟพญานาคผุดขึ้นจากกลางแม่น้ำโขง 3 จุดคือ บ้านกุ่มจำนวน 2 ลูก บ้านท่าล้ง 22 ลูก และบ้านตามุย 24 ลูก โดยการมองเห็นบั้งไฟพญานาคจากกลางแม่น้ำโขงในจุดดังกล่าว พบเห็นครั้งแรกเมื่อช่วงออกพรรษาปี 2548 จึงเกิดเป็นเสียงร่ำลือในหมู่ชาวบ้านละแวกนั้น
ในปีต่อมา อบต.ห้วยไผ่ จึงจัดพิสูจน์ความจริง โดยมีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศนับหมื่นคนแห่เข้ามาร่วมชม และก็ได้พบเห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในปี 2549 อีกครั้ง
สำหรับปี 2550 ซึ่งเป็นวันออกพรรษาจะตรงกับวันที่ 26 ตุลาคม อบต.ห้วยไผ่ ร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน จัดระเบียบการเข้าชมให้เป็นระบบยิ่งขึ้น เพราะปี 2549 เกิดปัญหาเรื่องสถานที่จอดรถ และที่พักของคนเดินทางมาชม ทำให้นักท่องเที่ยวที่มารอชมไม่ได้รับความสะดวก และจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีมากนับหมื่นคน ต้องมีการดูแลเรื่องความปลอดภัยไม่ให้เกิดเหตุร้ายต่างๆแก่นักท่องเที่ยว จึงมีการเตรียมวางกำลังอาสาสมัคร อปพร. เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยเรือ นรข.จากสถานีเรือโขงเจียม เพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและประชาชนที่มาชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคได้ทันท่วงที
ด้านนายไพฑูรย์ มุสิกโพดก นายอำเภอโขงเจียมระบุว่า การเข้าชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคปีนี้ กำหนดจุดชมไว้ 3 แห่งคือ บ้านกุ่ม บ้านท่าล้ง และบ้านตามุย โดยช่วงเย็นวันที่ 26 ตุลาคม จะมีพิธีบวงสรวงพญานาค เพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของราษฎรที่อาศัยอยู่ตามริมน้ำโขง จากนั้นทุกคนก็จะเฝ้ารอชมความมหัศจรรย์ แต่ตนไม่ยืนยันว่าจะมีบั้งไฟพญานาคขึ้นมาให้เห็นในปีนี้หรือไม่
สิ่งที่จะขอยืนยันคือ เมื่อปี 2549 ซึ่งตนได้รับทราบเรื่องราวและได้เดินทางมาพิสูจน์ความจริงด้วยตนเอง โดยให้ทหารเรือจากหน่วยเรือ นรข.นำเรือตรวจการณ์ขนาดใหญ่ลอยลำอยู่กลางลำน้ำโขง เพื่อจับข้อพิรุธตามที่มีการโจษจัน
ปรากฏว่าเกิดมีลูกไฟสีส้มผุดขึ้นจากกลางแม่น้ำโขงใกล้ บริเวณ ที่เรือของทหารเรือจอดลอยลำอยู่ โดยลูกไฟที่เห็นไม่ใช่ลักษณะของวัตถุที่ใช้แรงขับดัน และไม่ได้พุ่งขึ้นในวิถีโค้ง เมื่อหมดแรงแล้วตกกลับลงในแม่น้ำ แต่ลูกไฟได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าหายไปในความมืดของชั้นบรรยากาศ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอยืนยันว่าไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทำขึ้น เพราะลูกไฟมีลักษณะการขึ้นสู่ท้องฟ้าเช่นเดียวกับลูกไฟพุ่งขึ้นจากกลางแม่น้ำโขงช่วง จ.หนองคาย ซึ่งอยู่เหนือน้ำของ จ.อุบลราชธานี
ส่วนการจัดดูบั้งไฟที่อำเภอโขงเจียม ไม่ใช่เป็นการประชันขันแข่งกับบั้งไฟพญานาค จ.หนองคาย แต่เป็นทางเลือกหนึ่งให้นักท่องเที่ยวที่เคยไปชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคที่ จ.หนองคาย และต้องการชมความมหัศจรรย์อีกครั้ง สามารถเปลี่ยนจุดชมมาที่อำเภอโขงเจียมก็ได้ รวมทั้งประชาชนที่อยู่ใกล้จังหวัดอุบลราชธานี ก็สามารถเดินทางมาเที่ยวชมในตอนเย็นแล้วกลับหลังปรากฏการณ์ผ่านพ้นไปแล้วในช่วงดึกก็ได้ ซึ่งปีนี้อำเภอมีการจัดทำป้ายบอกทางนักท่องเที่ยวเป็นระยะๆ รวมทั้งมีการจัดระบบรองรับปริมาณรถของนักท่องเที่ยวที่เข้าชมได้ไม่น้อยกว่า 2,000 คัน
เอื้อเฟื้อภาพและข่าวโดย ผู้จัดการรายวัน
Bookmarks