ถาม – พยายามระงับความโกรธ แต่ลองอุบายของใครก็ไม่เคยได้ผล บางทีลองดูแรกๆเหมือนเย็นลง แต่นานไปก็ลืมอุบายทั้งหลาย และกลับไปห้ามความโกรธด้วยวิธีกดข่มเหมือนเดิม มีคนเตือนว่าถ้าเก็บกดมากๆระวังเครียดเป็นบ้า (เพราะเขาเห็นเรากัดฟันและเกร็งแน่นทั้งตัว และแม้เหมือนเลิกเกร็งแล้วก็ยังตาทื่อๆไม่เหมือนปกติ) อยากทราบว่าห้ามความโกรธอย่างไรจึงแน่ใจว่าจะไม่เก็บกด และไม่ระเบิดในภายหลัง?



วิธีคลายความโกรธแบบขำ ๆ


การฝึกห้ามใจขณะโกรธนั้น ก็คือการฝืนต้านแรงโกรธไม่ให้มันบีบบังคับใจเราทำเรื่องร้าย จะว่าเป็นกีฬาทางจิตก็ได้ครับ กล่าวคือถ้า ‘เล่นกีฬาทางจิต’ อย่างพอดี ก็ทำให้จิตเข้มแข็งขึ้น เหมือนยกน้ำหนักฝืนแรงโน้มถ่วงโลกบ่อยๆ หากเหมาะกับกำลังก็ย่อมได้ผลเป็นมัดเนื้อที่แน่นหนา คุณจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นจอมพลัง และเชื่อมั่นว่าสามารถเอาชนะอุปสรรคได้มากขึ้นทุกที




อย่างไรก็ตาม ถ้าห้ามใจหนักเกินขีดจำกัด ก็อาจส่งผลเสีย เช่น ทำให้จิตอ่อนแอลง นั่นก็คล้ายการฝืนยกน้ำหนักเกินตัว กล้ามเนื้ออาจอักเสบได้ ฉีกได้ หรือแย่กว่านั้นคือหัวไหล่หลุดไปเลย คุณจะท้อแท้หรือถึงกับสิ้นหวัง สิ้นศรัทธาในตนเองลง ไม่เชื่อว่าตนจะ ‘เล่นกีฬาทางจิต’ ด้วยการต้านโทสะกับใครไหว


หากสำรวจตนเองแล้วพบว่ายังอ่อนแอ ยังปวกเปียก ยังแพ้ความโกรธง่าย ต้องหลุดปากพล่ามพูดระบายอารมณ์ให้กับเรื่องเล็กเรื่องน้อย ผมก็ขอแนะนำให้ ‘ฝึกยกน้ำหนัก’ ให้พอดีตัวก่อน คือถ้าชนวนความโมโหเป็นเรื่องเล็ก เช่น ต้องนั่งรอใครนานหน่อย หรือต้องทนฟังใครพูดจุกจิกน่ารำคาญ ก็ให้ตั้งใจปิดปากเงียบ และระงับความเคลื่อนไหวทางกาย ไม่แม้จะทำตาขุ่น เช่นนี้คุณจะรู้สึกถึงความอดทน รู้สึกถึงการฝืนห้ามใจไม่ด่า ไม่ทำปึงปัง ทั้งที่ความโกรธสั่งให้ด่า สั่งให้ปึงปัง

ความอดกลั้นตรงๆที่ผ่านด่านทดสอบได้สำเร็จแต่ละครั้ง จะก่อให้เกิดความรู้สึกมั่นคง หนักแน่น และแข็งแรงขึ้นทีละนิด พอสอบผ่านในเรื่องเล็กหลายครั้งเข้า คุณจะทราบชัดว่าขันติทรงตัวไปเอง เมื่อเกิดเรื่องเล็กเรื่องน้อยน่ารำคาญก็ไม่ต้อง ‘ฝืนใจ’ อีกต่อไป ผ่านพ้นได้ง่ายเหมือนยกลูกเหล็กเบาหวิว ความโกรธและความขัดเคืองจะเหมือนแมลงหวี่แมลงวันที่ไม่อาจบินผ่านกระจกเข้ามาในบ้านคุณ คุณจะรู้สึกสบายและมองเห็นพวกมันอยู่ข้างนอก เป็นของภายนอก ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของบ้านอีกแล้ว


แต่ถ้าชนวนให้เกิดความโกรธเกรี้ยวเป็นเรื่องใหญ่ ประเภทเมียรักขอหย่า เจ้านายอาละวาด หรือเป็นที่คาดหมายได้ว่าโดนเบี้ยวหนี้แน่ แบบนี้ยากจะนิ่ง เพราะเกินกำลังต้านของคุณ ก็ให้หารูระบายบ้าง อาจใช้คำพูดระบายโทสะได้ แต่อย่าให้เป็นคำด่าเพื่อให้เกิดความสะใจอย่างเดียว ขอให้ปนๆถ้อยคำผ่อนหนักเป็นเบาเสียบ้าง


อารมณ์ขันเป็นเครื่องมือเยียวยาที่วิเศษ แม้ถ้อยคำเล็กๆน้อยๆที่ชวนมองโลกด้านดี ด้านตลก ก็ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้มากอย่างคาดไม่ถึง เช่น ถ้าเมียรักขอหย่า อย่าเอาแต่ด่าเธอแบบหนำใจท่าเดียว ให้หยอดมุขจุ๋มจิ๋มลงไป เช่น จะให้คุณเตรียมจัดงานหย่าที่โรงแรมไหนดี อย่าเลือกที่เคยใช้สำหรับงานแต่งล่ะ จ่ายแพงไม่เห็นได้อะไรเลย


ขอให้มีเสียงหัวเราะเล็กๆเถอะ ให้เสียงหัวเราะเล็กๆพาคุณผ่านการสอบครั้งใหญ่หลายๆหน ในที่สุดคุณจะรู้จักมองโลกในแง่ดี รุ่มรวยอารมณ์ขัน วนเวียนอยู่ในหนองน้ำแห่งความเศร้าได้โดยไม่เปียก หรือถึงเปียกก็ตัวแห้งเร็ว


คุณอาจเถียงว่าคนกำลังเครียดจะให้คิดคำตลกได้ยังไง ขอให้ลองแล้วจะรู้นะครับ ตอนกำลังเครียด กำลังเจ็บปวดจุกอกจุกใจนั่นแหละ เหมาะเลยที่จะหัดทำตลกเสียบ้าง เพราะตอนเครียดจะมีแรงอัดอยู่ในปากและในหัวอกระดับหนึ่ง หากไม่ปล่อยให้ระเบิดเป็นคำพูดร้ายๆ แต่เปลี่ยนเป็นขับดันให้คำแห่งความบันเทิงหลุดออกมาแทน คุณจะเป็นตลกหน้าตายได้อย่างไม่นึกฝัน

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการทำตลกในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานได้ อย่างน้อยคุณต้องมีสติ เมื่อมีสติย่อมไม่พูดพล่อย เมื่อไม่พูดพล่อยย่อมเกิดความฉลาดหาคำพูดจี้ๆที่ฟังแล้วอดขำไม่ได้ หรือแม้พูดไม่ขำ แค่ทำท่าตลกตอนตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน ความกดดันก็จะแปรเป็นแรงอัดให้คนอื่นเห็นแล้วหัวเราะได้เหมือนกัน

สรุปคือการระงับความโกรธสำหรับมือใหม่นั้น อาจใช้วิธีงัดข้อกับความโกรธตรงๆ หรือไม่ก็อาศัยอารมณ์ขันเข้าช่วย ทำอย่างไรก็ได้ ขอให้หายโกรธแบบไม่มีความอัดอกอัดใจตกค้างอยู่เป็นพอครับ


ในที่สุดคุณจะพบว่ามีบันไดขั้นต่อไปให้ขึ้นสูงได้อีก นั่นคือการเห็นความโกรธไม่ใช่คุณ มันเป็นภาวะหลอกใจให้หลงเกิดอุปาทานว่ามีตัวคุณเป็นผู้โกรธ แท้จริงมีแต่ภาวะโกรธ หากถูกรู้ถูกเห็นว่าเกิดขึ้นแล้วต้องดับลงเป็นธรรมดา อาการหลงเชื่อว่าความโกรธเป็นตัวคุณจะเบาบางและเหลือน้อยลงทุกที กระทั่งแยกเป็นต่างหากจากกันไปเลย ความโกรธก็ส่วนหนึ่ง จิตที่เห็นความโกรธก็ส่วนหนึ่ง มี ‘ความว่างจากตัวคุณ’ อยู่ตรงกลาง ถ้าไปถึงขั้นนั้นได้ ก็เรียกว่าเปลี่ยนสิ่งที่เป็นโทษให้กลายเป็นประโยชน์สูงสุดสำเร็จแล้ว



http://board.agalico.com/showthread.php?t=14763