จารึกวัดป่าใหญ่ (วัดมหาวนาราม)
อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
จารึกอักษรธรรมอีสาน บนเสมาหินทราย สูง ๘๙ เซนติเมตร กว้าง ๕๙ เซนติเมตร อยู่ข้างฐานพระประธาน ในวิหารวัดป่าใหญ่ ชาวเมืองอุบลฯ เรียกว่า "พระเจ้าใหญ่อินแปง" เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง อนุมานว่าสร้างเมื่อศักราช ๑๖๙
(พ.ศ. ๒๓๕๐)
จารึกนี้ได้มีการศึกษาและพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในวารสารศิลปากร เดือนมกราคม ๒๕๒๔ อ่านโดย เทิม มีเต็ม และ ประสาร บุญประคอง ต่อมาพระทองแดง อตฺตสนฺโต (พุทธเกตุ) วัดป่าใหญ่ ได้อ่านและพิมพ์เป็นที่ระลึก ในงานทอดกฐินพระราชทาน เมื่อ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๒๗
ที่นำมาเสนอนี้ เป็นการศึกษาของศาสตราจารย์ธวัช ปุณโณทก พิมพ์ในหนังสือ "ศิลาจารึกอีสาน" (ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๐) เนื้อความส่วนใหญ่ไม่ต่างจากการอ่านสองครั้งแรกมากนัก
สาระสำคัญ กล่าวถึงนามเจ้าเมืองอุบลฯสองพระนามคือ พระปทุมและพระพรหมวรราชสุริยวงศ์ และนามพระเถระผู้ใหญ่ คือ พระมหาราชครูศรีสัทธรรมวงศา ว่าได้สร้างวัดป่าหลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์สัสดี และสร้างพระพุทธรูปอินแปง พร้อมทั้งได้อุทิศทาสโอกาสและที่นาแก่พระพุทธรูปด้วย ดังรายละเอียดต่อไปนี้
คำอ่าน
บรรทัดที่ ( _ )
(๑) จุลสังกราชได ๑๔๙ ตัวปีเมิงมดเจาพระปทุมไดมา
(๒) ตังเมิงอุบนได๒๖ปีสังกราสได๑๔๒ตัวปีกดซงาจีง
เถิงอนิจจ (๓) กำลวงไปดวยลำดับปีเดินหันแลสังกราสได๑๕๔
ตัวปีเตาสันพระพรมมวอลราส ( ๔) สุริยะวงไดขึนเสวิยเมิง
อุบนได๑๕ปีสังกราส๑๖๗ตัวปีฮวงเราจึงมาไดสางวิหาร อ-
(๕) ารามไนวัดปาหลวงมณีโซสีสวัดสสดีเพอไหเป็นทีสำราน
แกพุทธรูปเจาสังกราสไดรอย (๖) ๖๙ตัวปีเมิงเหมามหาราซคู
สีสทธัมมวงสาภาลูกสิดสางพุทธรูปดินแลอิดซทายไสวัดลวง
ศิลาจารึกวัดป่าใหญ่
(๗) เดิน๕เพ็งวัน๑มืฮวงไคฤ๑๒ลุกซืวาจิตตายูไนรสีกันเบิก
แลวยามแถไกคำจิงไดซืวาพระเจาอีนแปงไห (๘) คนแลเทวดา
คอยลำแยงรักสาบูซายาไหมีอนาลายอันตายแกพุทธรูปเจาองวี
เสดเพิอไหเป็นมุงคุ- (๙) รแกบานเมิงมหาราชคูตนสางจิงมีคำ
เหลิมไสจีงทอดนองยีงซืวาแมปุยกับทังอีปูยหลานยีงไหเป็น
ขาโอกาด (๑๐) แกพุทธรุปอินแปงเจาองนีลุกยีงซืวาสาวหลา
สาวตวยสาวทุมไหเป็นขาโอกาดพุทธรุปเจาแลนางเพีย
(๑๑) โคดกับทังลูกเป็น๔แลนางเพียแกวกับทังลูกเป็น๓แลแม
เซียงทากับทังลูกเป็น๓แลแมกากับทังลูกเ- (๑๒) ป็น๕มอบตน
เป็นขาโอกาดพุทธรุปเจาองนีแม่พระซาลีสาวดวงแลอีบุร๓คนนี
มอบตนเป็นขาโอกาด (๑๓) ขอยโอกาดทังมวรนีเป็นซาว๓หาก
ศิลาจารึกวัดป่าใหญ่
(๑๔) ยยไทยทำไหสมควรคำ
เหลิมไสบุซาพุทธรุปเจาจงออกเทิน บเป็นโทดเป็นกำแล พระยา
ตนไดมากีนบานกีนเมิง (๑๕) ทีนีบไซเวียกบานกานเมิงแกขาโอ
กาดฝุงนีไดซืวาคบรบพระเจาไนนึงซืวาประกอบซอบธำพระยา
ตนได (๑๖) มานังเมิงอันนีมาดูสีลาเล็กอันนีรุวาพุทธรุปเจามี
ขอยโอกาดจีงบใชเวียกบานกานเมิง (๑๗) พระยาตนนันบอกขา
โอกาดไหปฏิบัดพุทธรุปเจาจักไดกุสละบุรกวางขวางเหดคบรบ
ในพุทธรุป (๑๘) เจานันแลไนนึงพระยาตนไดมายูดินกินเมีงที
นีไหบุซาคบรบพุทธรุปเจาองนีดวย (๑๙) เคิงสักกรบุซาเยิงได
เยิงนึงคืมโหสบคบงันเมิอเดิน๕เพ็งดังนันจักไหคำวุฒิสีสวัสดี
แก (๒๐) ซาวบานซาวเมิงเหดพุทธรุปประกอบดวยบุรลักขณ
เหดทังนันเทวดาจีงไหคำวุฒิสีสวัสดีดวย
(๒๑) เตซคุรพุทธรุปไนยนึงอาซญาเจาเมิงตนซืวาพระพมวรราสสุริยะวงไดสาง (๒๒) วิหารอารามไหทีสถีดแก
พุทธรุปเจาจีงมีคำไสจีงปราสาทไหดินนาคืทงเบิงทายวัด (๒๓) นันเป็นทานแกพุทธรุปเจาทางรีสุดทงทางกวาง
จุแดนดงคนผุไดผุนึงมาเฮ็ดนาไนดินโอกาดทีนี (๒๔) ผิวาไดเกียน๑ไหเก็บคาดินถังนึง๒เกียน๒ถังไหเก็บขึนตาม
สำคันสัญญาดังหลังนันเทิน
ถอดความ
บรรทัดที่ ( _ )
(๑) จุลศักราชได้ ๑๔๙ ตัวปีเมิงมด เจ้าพระปทุมได้มา (๒) ตั้งเมืองอุบลได้ ๒๖ ปี ศักราชได้ ๑๔๒ ตัวปีกดซง้า จึงถึงอนิจจ (๓) กรรม ล่วงไปด้วยลำดับปีเดือนหั้นแล ศักราชได้ ๑๕๔ ตัวปีเต่าสัน พระพรหมวรราช (๔) สุริยะวงศ์ได้ขึ้นเสวยเมืองอุบลได้ ๑๕ ปี ศักราช ๑๖๗ ตัวปีฮวงเล้า จึงมาได้สร้างวิหาร อ- (๕) ารามในวัดป่าหลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์สัสดี เพื่อให้เป็นที่สำราญแก่พุทธรูปเจ้า ศักราชได้ร้อย (๖) ๖๙ ตัวปีเมิงเหม้า มหาราชครูศรีสัทธรรมวงศา พาลูกศิษย์สร้างพุทธรูปดินและอิฐซะทายใส่วัด ล่วง (๗) เดือน ๕ เพ็ญ วัน ๑ มื้อฮวงไค้ ฤกษ์ ๑๒ ลูกชื่อว่าจิตตา อยู่ในราศรีกันย์เบิกแล้วยามแถไกล้ค่ำ จึงได้ชื่อว่าพระเจ้าอินแปง ให้ (๘) คนแลเทวดาคอยล่ำแยงรักษาบูชา อย่าให้มีอนารายอันตายแก่พุทธรูปเจ้าองค์วิเศษ เพื่อให้เป็นมุงคุ- (๙) นแก่บ้านเมือง มหาราชครูตนสร้างมีคำเลื่อมใส จึงทอดน้องหญิง ชื่อว่าแม่ปุยกับทั้งอีปู้ยหลานหญิงให้เป็นข้าโอกาส (๑๐) แก่พุทธรูปอินแปงเจ้าองค์นี้ ลูกหญิงชื่อว่าสาวหล้า สาวตวย สาวทุม ให้เป็นข้าโอกาสพุทธรูปเจ้า แลนางเพีย- (๑๑) โคตรกับทั้งลูกเป็น ๔ แลนางเพียแก้วกับทั้งลูกเป็น ๓ แลแม่เซียงทากับทั้งลูกเป็น ๓ แลแม่ภากับทั้งลูก เ- (๑๒) ป็น ๕ มอบตัวเป็นข้าโอกาสพุทธรูปเจ้าองค์นี้ แม่พระชาลี สาวดวง แลอีบุญ ๓ คนนี้มอบตนเป็นข้าโอกาส (๑๓) ข้อยโอกาสทั้งมวลนี้เป็นซาว ๓ หากเป็นโอกาสด้วยคำเลื่อมใส บ่ได้เอาเข้าของพุทธรูปเจ้า ครั้นว่าใผอยากออกจากโอกาสให้ปัจจั- (๑๔) ยไทยธรรมให้สมควรคำเลื่อมใสบูชาพุทธรูปเจ้าจงออกเทอญ บ่เป็นโทษเป็นกรรมแล พระยาตนใดมากินบ้านกินเมือง (๑๕) ที่นี้บ่ใช้เวียกบ้านการเมืองแก่ข้าโอกาสฝูงนี้ได้ชื่อว่าคบรบพระเจ้านัย หนึ่งชื่อว่าประกอบชอบธรรม พระยาตนใด (๑๖) มานั่งเมืองอันนี้มาดูศิลาเลกอันนี้ รู้ว่าพุทธรูปเจ้ามีข้อยโอกาส จึงบ่ใช้เวียกบ้านการเมือง (๑๗) พระยาตนนั้นบอกข้าโอกาสให้ปฏิบัติพุทธรูปเจ้า จักได้กุศลบุญกว้างขวาง เหตุคบรบในพุทธรูป (๑๘) เจ้านั้นแล นัยหนึ่ง พระยาตนใดมาอยู่ดินกินเมืองที่นี้ ให้บูชาคบรบพุทธรูปเจ้าองค์นี้ด้วย (๑๙) เครื่องสักการบูชาเยื่องใดเยื่องหนึ่ง คือมโหรสพครบงัน เมื่อเดือน ๕ เพ็ญ ดังนั้นจักได้คำวุฒิศรีสวัสดิ์สัสดีแก่ (๒๐) ชาวบ้านชาวเมือง เหตุพุทธรูปประกอบด้วยบุญลักษณะ เหตุดังนั้นเทวดาจึงให้คำวุฒิศรีสวัสดิ์สัสดี ด้วย (๒๑) เดชคุณพุทธรูป นัยหนึ่งอาชญาเจ้าเมืองตนชื่อว่าพระพรหมวรราชสุริยวงศ์ ได้สร้างวิหารอารามให้ที่สถิตย์แก่พุทธรูปเจ้า จึงมีคำใส จึงประสาทให้ดินนา คือท่งเบื้องท้ายวัด (๒๓) นั้นเป็นทานแก่พุทธรูปเจ้า ทางรีสุดท่ง ทางกว้างจุแดนดง คนผู้ใดผู้หนึ่งมาเฮ็ดนาในดินโอกาสที่นี้ (๒๔) ผิว่าได้เกวียน ๑ ให้เก็บค่าดินถังหนึ่ง ๒ เกวียน ๒ ถัง ให้เก็บขึ้นตามสำคัญสัญญาดังหลังนั้นเทอญ
อธิบายศัพท์
ปีเมิงมด - ชื่อปีตามปฏิทินหนไทย ตรงกับปีมะแม นพศก
ปีกดซง้า - ปีมะเมีย โทศก
ปีเต่าสัน - ปีวอก จัตวาศก
ปีรวงเล้า - ปีระกา สัตปศก
ปีเมิงเหม้า - ปีเถาะ นพศก
ซะทาย - ปูนสอ ปูนขาวที่ใช้โบกอิฐ
ยามแถไกล้ค่ำ - เวลาประมาณ ๑๕-๑๖.๓๐
ล่ำแยง - ดูแลรักษา สอดส่องดูแลอย่างเอาใจใส่
อนารายอันตาย - อันตราย
มุงคุน - มงคล
ทอด - ยกให้ มอบให้
ข้าโอกาส - ทาสที่อุทิศให้แก่วัด
ซาว๓ - ๒๓
เวียก - งาน
คบรบ - เคารพ
ศิลาเลก - ศิลาจารึก
คำใส - เลื่อมใส
เยื่องใด - อย่างใด
เฮ็ด - ทำ
ท่ง - ทุ่ง
จุ - จรด
ลำบาก ใจครับในการถอดความ ถ้าจะเปลี่ยนเป็นภาษาไทยกลางทั้งหมดก็เสียเค้าความเดิม ถ้าจะเขียนตามความเดิมก็จะลำบากในการทำความเข้าใจ ก็เลยพยายามเหลือความเดิมไว้บ้าง แต่สื่อความกันได้ทั่วไป ท่านมีความเห็นอย่างไร กรุณาเสนอแนะด้วยครับ ใน พบปะเสวนา
กราบ ขอบพระคุณศาสตราจารย์ธวัช ปุณโณทก ที่กรุณาส่งหนังสือไปให้ มีจารึกในภาคอีสานมากมายที่น่าสนใจ จะนำเสนอในโอกาสต่อไปครับผม (ต้องเรียนขออนุญาตท่านก่อน)
ที่มา
http://ubon.obec.go.th/school/swws/tham/payai01.htm
เจตนาของผู้โพส : ขอมีส่วนฮ่วมในการอุรักษ์ฮักษา มรดกอีสาน ส่งต่อ เสนอ เผยแผ่ เอกสาร ความฮู้ความเข้าใจเกี่ยวกับถิ่นฐานบ้านเกิด
เผื่อให้ได้ตกทอดไปถึงหลุ่นหลัง เกิดความฮัก ความภูมิใจ ในถิ่นฐานบ้านเกิดเฮา
Bookmarks