ทุกคนมีห้องเก็บกรรม


ทุกคนมีห้องเก็บกรรม คัดมาจากหนังสือ โอวาท จากดวงพระวิญญาณบริสุทธิ์สมเด็จโต พรหมรังสี ทรงจากสำนักปู่สวรรค์ เคยพิมพ์ใน น.ส.พ. ไทยเดลี่ ฉบับประจำวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๔

ผู้ถามคือ อาจารย์ชุบชีพ นกแก้ว : กรรมใดที่ได้กระทำมาแล้ว ดีก็ตามชั่วก็ตาม ผู้ที่ได้กระทำไปแล้วย่อมได้เสวย ถ้าหากว่าได้กระทำกุศลกรรมก็ไปเสวยกุศลกรรม เหมือนกับว่าได้บันทึกเอาไว้ในจิตใจ

เช่นเดียวกับเมื่อทำกรรมชั่วก็ต้องได้รับผลชั่ว ในเทวสูตร หรือไตรโลกวิจารณ์ บอกว่ามีท้าวจตุโลกบาล หรือท้าวธตรฐ ท้าวกุเวร ท้าววิรูปักษ์ ท้าววิรุฬหก มาจดบาปบุญของมนุษย์ในโลกมนุษย์ ในวันพระ ๘ ค่ำ หรือ ๑๕ ค่ำ

ถ้าเทวดาทั้ง๔องค์ มาจดบาปบุญ แต่เฉพาะวันพระ
อย่างนั้น ถ้าเป็นวันที่ไม่ใช่วันพระ คนที่ทำบาปก็ไม่ได้รับผล สมเด็จอาจารย์มีความเห็นอย่างไร

ผู้ตอบคือ สมเด็จโต : การที่มนุษย์เราประกอบกรรมนั้น จะเป็นกรรมอันใดก็แล้วแต่ กรรมอันนั้นจะสมบูรณ์ต่อเมื่อประกอบด้วย ๓กรรม คือกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทีนี้ในเรื่องการบันทึกของเทวดานั้น ท่านอย่าลืมว่า เทวโลกมีเทวดาเป็นล้านๆ โกฏิ ล้านๆจักรวาล ในด้านแห่งความจริงของมนุษย์

ถ้าจะเอาความจริงกันแล้วก็คือ ทุกคนมีห้องเก็บกรรมในโลกวิญญาณ กรรมของวิญญาณใด ก็จะคอยติดตามสนองวิญญาณนั้นๆ ที่มาปฏิสนธิเป็นเทวดาก็ดี เป็นพระพรหมก็ดี เป็นมนุษย์ก็ดี หรือที่ปฏิสนธิลงสู่ยมโลกก็ดี เรื่องนี้ต้องศึกษา ให้เข้าซึ้งถึงความจริงในโลกวิญญาณ

และอาตมาก็เคยบอกแล้วว่า ในตำราทั้งหลายองค์สมณโคดม ไม่เคยสอนให้ยึดคำสอนของพระองค์เป็นสรณะ แต่ต้องการให้ท่านปฏิบัติจนถึงสภาพแห่งการ"รู้" อันบริสุทธิ์ของพุทธะเป็นสรณะ เพื่อเป็นเรือเป็นการช่วยตัวเอง ให้พ้นจากกฎแห่งวัฏฏะ ของทะเลซึ่งมีแต่คลื่นของความบ้าคลั่ง ในกามตัณหา

ทีนี้เมื่อมาแยกแยะถึงการจดกรรมของเทวดาแล้วไซร้ ท่านพูดอะไร ท่านทำอะไร หรือแม้แต่คิดอย่างไร ขณะใดก็ถูกบันทึกไว้หมด เพราะเทวดามีทั่วทุกพิภพ ในเหล่าแห่งท้าวจตุโลกบาลทั้ง๔ นี้มีหน้าที่พิทักษ์ทิศทั้ง๔ แห่งจักรวาลของโลก หนึ่งในหมื่นจักรวาลนี้ เรียกได้ว่าท่านเป็นหัวหน้าหน่วยในการรับทราบถึงการบันทึกทั้งหลายนั้น

เพราะฉะนั้น การอ่านพระไตรปิฏก จึงอย่าอ่านเพียงเพื่อคุย ถ้าถามความจริง ขององค์สมณโคดมแล้ว องค์สมณโคดมจะบอกว่า "ท่านจงวางหมดทุกตำรา ท่านจงมาค้นจิตในจิต ท่านจงมาค้นกายในกาย

เมื่อนั้นท่านจะรู้ว่าวิญญาณอยู่อย่างไร " ในแนวแห่งพระสูตรดังกล่าวนั้น อรรถกถาจารย์ ฎีกาจารย์ ในกาลต่อมา ไม่เข้าซึ้งถึงเรื่องวิญญาณ ไม่เข้าซึ้งถึงเรื่องกรรมจึงเขียนออกมาเช่นนั้น

ตามหลักแห่งสัจธรรมแล้ว พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เชื่อ ตามหลักแห่งการปฏิบัติจิตเป็นสรณะ ให้ขัดเกลาอกุศลกรรมออกจากกาย นี่คือหลักความจริง ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการ

พระไตรปิฏกเพียงแต่เป็นพื้นฐาน ให้อ่านแผนผัง ถ้าท่านยึดท่านก็ยังไม่ถึงธรรม

ทุกคนมีห้องเก็บกรรมอยู่ในโลกวิญญาณ ท่านพูดอะไร ท่านทำอะไร หรือแม้แต่คิดอะไร ขณะใดก็ถูกจดบันทึกไว้หมด

เมื่อถึงวาระตายจากโลกมนุษย์ เขาจะรวบรวมสถิติแห่งกุศลกรรมและอกุศลกรรม รวมพร้อมทั้ง มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม แล้วจึงวินิจฉัยสภาพการทำถูกผิดของบุคคลนั้น