คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ

โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก



เมตตาภาวนา


ผมให้การบ้านแก่ลูกศิษย์ ซึ่งเป็นอาจารย์สอนอยู่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ช่วยแต่งกาพย์ กลอน โคลงฉันท์ ตามถนัด เกี่ยวกับเมตตาภาวนา ตามความใน "กรณียเมตตสูตร" ให้หน่อย อยากจะเอามาใส่ทำนองทำเป็นเพลงสวด เพราะได้ฟังบทแผ่เมตตาอย่างพิสดาร ที่บริษัทฮ่องกงหรือไต้หวันจำไม่ได้ ซึ่งคุณอนุรุธ ว่องวานิช ส่งมาให้ ฟังแล้วไพเราะจัง เสียงอ่านภาษาบาลี แปร่งๆ แบบฝรั่ง ให้อารมณ์อีกแบบหนึ่ง ต่างจากเสียงสวดที่เราเคยชิน

ลูกศิษย์เธอแฟ็กซ์มาให้สองสำนวน เลยเลือกไม่ถูกว่าจะเอาสำนวนไหน นำมาลงให้แฟนๆ อ่านก่อน บรรยากาศการเมืองเช่นปัจจุบันนี้ ไม่มีอะไรจะเหมาะเท่าสวดเมตตาภาวนา

ไม่ว่าพรรคไหนจะได้เป็นรัฐบาล ก็ควรแก่การแผ่เมตตาให้ทั้งนั้นแหละครับ ไม่มีข้อยกเว้น ดังคำขอของโยม ในเรื่องข้างท้ายนี้

โยมคนหนึ่ง นิมนต์พระนิกายเทนได (เทียนไท้) ไปสวดมนต์ทำบุญอุทิศแก่ภรรยาผู้จากไป พอพระสวดจบ แกก็เรียนถามว่า

"หลวงพ่อครับ เมียผมจะได้ส่วนบุญจากการสวดมนต์ครั้งนี้ไหมครับ"

"ได้สิ โยม ไม่เฉพาะเมียของโยมเท่านั้น สัตว์โลกทั้งหมดก็จะได้มีส่วนแห่งบุญจากการสวดมนต์แผ่เมตตาให้ครั้งนี้ด้วย"

"ถ้าสัตว์ทั้งโลกได้ส่วนบุญด้วย ก็แย่งส่วนที่เมียผมจะพึงได้สิครับ ขอหลวงพ่อสวดให้เมียผมคนเดียวไม่ได้หรือ" นายคนนี้แกรักเมียน่าอิจฉาจริงๆ

หลวงพ่อตอบว่า พระพุทธเจ้าสอนว่า เวลาทำบุญทำทาน ต้องตั้งใจอุทิศผลบุญแก่สรรพสัตว์ทุกถ้วนหน้า โดยไม่ยกเว้น

"สอนเช่นนี้ก็ดีอยู่" เขาสรุป "แต่ถึงอย่างไรก็ขอยกเว้นบ้างเถอะ ขอรับ ผมมีเพื่อนบ้านคนหนึ่ง มันเลวระยำมาก ชาติหน้าฉันใด ผมไม่อยากพบหน้ามันอีก โปรดอย่ารวมมันกับสัตว์โลกทั้งหมดเลย ไม่ได้หรือครับท่าน"

ทำนองกับเขากำลังฟอร์มรัฐบาลกันฝุ่นตลบนั่นแหละครับ เขาจะเอาใครเป็นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีกระทรวงไหน ก็ต้องทำใจ แผ่เมตตาอย่างเดียว จะภาวนาในใจว่า เจ้าประคู้ณ อย่าให้พรรคนี้ คนนี้มาเป็น กระทรวงนั้นกระทรวงนี้ ไม่ได้ดอกครับ

ทำได้อย่างเดียว แผ่เมตตาครับ แม้ว่าถนนหนทางจะมีรอยขูดรอยขีดเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ เพราะเขี้ยวสิงสาราสัตว์ ซึ่งลากไปมามากมาย ก็ต้องทำใจ

เมตตาภาวนาสำนวนที่ 1

ขอตั้งปฏิญญา ต่อพระรัตนตรัย

อ่อนโยนวาจาใจ ไม่เย่อหยิ่งหยาบยโส

เดินทางสายแห่งธรรม สงบนำน้อมมโน

ร่มเย็นใต้ร่มโพธิ์ แผ้วถางทางพระนิพพาน

ประพฤติพุทธพจน์ จิตกำหนอชนะมาร

เนื้อนาบุญบันดาล เจิดจรัสประภัสสร

แล้วแผ่เมตตาจิต ทุกชีวิตเอื้ออาทร

สัตว์โลกที่เดือดร้อน ไฟนรกจงเย็นลง

กลุ่มสัตว์เกิดจากไข่ หรือเกิดได้เป็นตัวคง

ใหญ่เล็กกว่าเศษผง ทุกกลุ่มจงมีสุขเทอญ

เหล่าเทพยดา โอปะปาติกะเหิน

ต่างภพต่างด้าวเดิน จงสุขกายสบายใจ

ขอพรมน้ำเมตตา ดุจมหาชลาศัย

ดับมอดทุกดวงไฟ กาม โกรธขึ้ง ถึงแค้นเคือง

สรรพสัตว์จงสิ้นโศก โลกทั้งโลกจงรุ่งเรือง

ประทีปธรรมประเทือง ส่องสว่างกระจ่างฟ้า

กุศลธรรมล้ำเลิศ จักก่อเกิดด้วยเมตตา

สู่แสงแห่งปัญญา ไตรสิกขาจึงพร้อมมูล

มีศีล สมาธิ ละทิฐิเกิดเกื้อกูล

สงบเย็นจึงเพิ่มพูน จิตเปี่ยมสุขทุกนาที

"เมตตาค้ำจุนโลก" ไฟทุกข์โศกจะไม่มี

โลกา-อเวจี- สวรรค์-พรหม จักร่มเย็น

เมตตาภาวนาสำนวนที่ 2

เมตตาธรรมล้ำเลิศ สุดประเสริฐ ณ สงสาร

วัฏฏะอภิบาล ดิเรกรุ่งมโนรมย์

ขอส่ำสัตว์สร้างสุข ละวางทุกข์ที่จ่อมจม

หาญกล้าตรงคนคม ไม่เย่อหยิ่ง,สันโดษ,ดี

วิญญูชนแซ่ซ้อง เกียรติเกริกก้องเป็นศักดิ์ศรี

รู้สิ่งอันพึงมี ด้วยปัญญาสมาทาน

หมู่สัตว์วิบัติโลก จักเกิดโศกตลอดกาล

เคืองแค้นทรมาน จิตมุ่งร้ายให้หน่ายชัง

พึงแผ่เมตตาจิต เนืองนิมิตอนิจจัง

ทุกสิ่งไม่เที่ยงดัง พุทธพจน์บทปรัชญา

ไม่มีตัวเรา-เขา มีแต่เงาภาพมายา

ตั้งจิตคิดเมตตา ทุกสัตว์ทั่วจักรวาล

จิตจะประภัสสร ดับสิ่งร้อนอนันต์กาล

ใสเย็นเห็นนิพพาน สะอาดสว่างเห็นทางธรรม

จิตนิ่งอหิงสา มีเมตตามาน้อมนำ

หยุดกามและหยุดกรรม แผ้วถางทางพระนิพพาน

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ทางดับโศกวัฏสงสาร

ชำระจิตวิญญาณ ด้วยพระธรรมน้อมนำเทอญ

"นภาจริ นำเบญจพล"

-------------
ที่มา:มติชน