-
ดูแลตรวจสอบเนื้อหา
สมณศักดิ์(ยศ) ของ คณะสงฆ์ไทย
"สมณศักดิ์"(ยศ) ของคณะสงฆ์ของไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเป็นผู้พระราชทาน นอกจากพระราชทานยศแล้ว จะทรงพระราชทาน ทินนาม (ชื่อเรียก) ด้วย พระท่านใดที่ได้รับพระราชทานสมศักดิ์และทินนาม ก็จะได้รับเครื่องหมายอันแสดงถึงลำดับชั้น นั่นก็คือ "พัดยศ"
ลำดับชั้นสมณะศักดิ์
1 สมเด็จพระสังฆราชสังฆปรินายก ( 1 รูป จะมาจากธรรมยุตหรือมหานิกาย ก็ได้ )
2 สมเด็จพระราชาคณะชันสุพรรณบัตร (ชั้นสมเด็จ 8 รูป )เช่นสมเด็จพระวรรณรัตน์
3 พระราชาคณะชั้นรองหิรัญบัตร(ชั้นรองสมเด็จ 16รูป )เช่นพระพรหมโมลี
4 พระราชาคณะชั้นธรรม(35รูป)เช่นพระธรรมดิลก
5 พระราชาคณะชั้นราช(144รูป) เช่นพระราชรัตนเวที
6 พระราชาคณะชั้นสามัญ(ชั้นเจ้าคุณ394รูป)เช่นพระกิติสารเมธี
7 พระครูสัญญาบัตรชั้น พิเศษ / เอก / โท / ตรี (ชั้นพระครู) เช่น พระครูพิศาลกาจนกิจ
........................................................................................................
พระฐานานุกรม
เป็นยศที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระครูสัญญาบัตรชั้นเอกเป็นต้นไป ซึ่งแต่และรูปมีโควต้าในการแต่งตั้งแตกต่างกันไปตามลำดับ เช่น
พระครูปลัด,พระครูใบฎีกา,เป็นต้น
หมายเหตุ
พระราชาคณะท่านใดที่สังกัดนิกายธรรฒยุตหลังสมณะศักดิ์และทินนามแล้ว จะมี (ธ) ต่อท้าย เช่น พระกาญจนวิจิตร(ธ)
สำหรับลำดับที่3 และ6 ทินนามอาจจะไม่แตกต่างกันท่านให้ดูที่พัดยศ
/
/
ปล. หากท่านใดมีความเห็นที่แตกต่างหรือมีข้อมูลที่มากกว่าโปรดแนะนำ ขอขอบคุณพระมหาตรรกวิทย์ ตกวิโช(ไชยรินทร์) (ปธ.6,พธ.บ.,สน.บ.) เอื้อเฟื้อข้อมูล
-
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา
สมณศักดิ์
ความหมาย
สมณศักดิ์ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ หมายความว่า ยศพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานมีหลายชั้น แต่ละชั้นมีพัดยศเป็นเครื่องกำหนด
อาจกล่าวได้ว่า สมณศักดิ์ คือบรรดาศักดิ์ หรือยศที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่พระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ประพฤติชอบให้ดำรงมั่นอยู่ในสมณเพศ เพื่อเป็นกำลังสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาและเพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์เป็นไปโดยเรียบร้อย เพราะการที่พระสงฆ์รูปใดได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ย่อมได้รับมอบหมายภาระหน้าที่ในการปกครองหมู่คณะแห่งสงฆ์ไปพร้อมกันด้วย
ความเป็นมาของสมณศักดิ์
สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้ทรงใช้จิตวิทยาในการปกครองพระสงฆ์สาวก โดยการยกย่องผู้ที่ควรยกย่อง ป้องปรามผู้ที่ควรป้องปราม ดังจะเห็นได้จากทรงยกย่องพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะเป็นพระอัครสาวก ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา และทรงตั้งเอตทัคคะ ๑ กล่าวคือ ทรงยกย่องพระสาวกอีกส่วนหนึ่งว่ามีความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ด้วยพุทธวิธี อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวยังมิได้ถือว่าเป็นสมณศักดิ์
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว เพื่อสามารถสืบทอดเจตนารมณ์ของพระพุทธศาสนา พระประมุขแห่งประเทศต่างๆ ที่นับถือพุทธศาสนา จึงได้มีการพระราชทานสมณศักดิ์แก่พระสงฆ์ โดยปรากฏหลักฐานว่ามีการพระราชทานสมณศักดิ์ และพัดยศพร้อมทั้งเครื่องประกอบสมณศักดิ์อื่นๆ ประเทศต่างๆ ได้รับแบบอย่างมาจากประเทศศรีลังกา
สำหรับประเทศไทยนั้นระบบสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ เริ่มใช้ตั้งแต่สมัยสุโขทัยรัชสมัยพระมหาธรรมราชลิไทย พระองค์ได้โปรดให้ราชบัณฑิตไปอาราธนาพระมหาสามีสังฆราชมาแต่ลังกาเพื่อให้ประกาศพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ในกรุงสุโขทัย พระมหาสามีสังฆราชคงจะได้ถวายพระพรให้พระมหาธรรมราชาลิไททรงตั้งสมณศักดิ์ถวายแด่พระสงฆ์ตามราชประเพณีที่ถือปฏิบัติในประเทศลังการะบบสมณศักดิ์ในสมัยสุโขทัยไม่สลับซับซ้อนเพราะมีเพียง ๒ ระดับชั้นเท่านั้น คือ พระสังฆราชและพระครู
ส่วนในสมัยอยุธยาระบบสมณศักดิ์ได้รับการปรับให้มีระดับชั้นเพิ่มขึ้นเป็น ๓ ระดับคือ สมเด็จพระสังฆราช พระสังฆราชคณะหรือพระราชาคณะและพระครู
---------------------------------------------
ชั้นยศสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทยในปัจจุบัน
ปัจจุบันชั้นยศสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทยได้เพิ่มขึ้นตามกาลสมัย และความจำเป็นในด้านการปกครองคณะสงฆ์ ดังนี้
๑. สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ๑ พระองค์
๒. สมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัตร ๘ รูป
๓. พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัณยปัฏ ๑๙ รูป
๔. พระราชาคณะชั้นธรรม ๓๕ รูป
๕. พระราชาคณะชั้นเทพ ๖๖ รูป
๖. พระราชาคณะชั้นราช ๑๔๔ รูป
๗. พระราชาคณะชั้นสามัญ ๓๙๔ รูป
๘. พระครูสัญญาบัตรชั้นตรี-โท-เอก-พิเศษ (ไม่จำกัดจำนวน)
๙. พระครูฐานานุกรม ตั้งได้ตามจำนวนที่ปรากฏในสัญญาบัตรของพระราชาคณะ
๑๐. พระครูประทวนสมณศักดิ์ (พระครูผู้อุปการะการศึกษา) (ไม่จำกัดจำนวน)
ประเพณีการพิจารณาแต่งตั้งสมณศักดิ์
แต่เดิม การพิจารณาแต่งตั้งและเลื่อนสมณศักดิ์แก่พระสงฆ์เป็นพระราชอำนาจและเป็นพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ เมื่อทรงเห็นหรือทรงทราบด้วยพระเนตรพระกรรณว่า พระภิกษุรูปใดมีความรู้ความเชี่ยวชาญในพระไตรปิฏก มีศิลาจารวัตรน่าเลื่อมใส มีความสามารถในการปกครองหมู่คณะให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งยังเป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาของประชาชนแล้วก็จะพระราชทานสมณศักดิ์เพื่อเป็นเกียรติและกำลังใจ ในการจะได้ช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาสืบไป
ต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นช่วงเวลาที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเจ้า สกลมหาสังฆปริณายกอยู่นั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะโปรดพระราชทานสมณศักดิ์แก่พระสงฆ์รูปใด ก็จะทรงปรึกษากับสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ก่อนทุกครั้ง ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทรงให้พระสงฆ์ได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาเสนอความคิดเห็นได้
ปัจจุบัน เป็นหน้าที่ทางคณะสงฆ์จะช่วยกันพิจารณาให้ความเห็นชอบตามลำดับขั้น คือ จากเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค และเจ้าคณะใหญ่ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากเจ้าคณะผู้ปกครองตามลำดับแล้ว กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการจึงได้เสนอเรื่องเพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานสมณศักดิ์ ตามระเบียบของทางราชการต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในการพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นสูง เช่น สมเด็จพระสังฆราชหรือสมเด็จพระราชาคณะ ทางคณะสงฆ์ชอบที่จะถวายพระเกียรติแด่องค์พระมหากษัตริย์ด้วยการเสนอนามพระเถระที่เห็นสมควรขึ้นไปหลายรูปเพื่อให้ทรงพิจารณาตามพระราชอัธยาศัย เป็นธรรมเนียมปฏิบัติเสมอมา เพราะพระราชอำนาจส่วนนี้เป็นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพียงพระองค์เดียว
-
ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม
สมเด็จพระวันรัตน์ เขียนแบบนี้เด้อครับ
สมัยก่อนเขียน พนรัตน์ มาจาก สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว สมัยอยุธยา
-
ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม
คัน บวชศึกใหม่ เอิ้นว่า ทิด ติครับ
Tags for this Thread
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
กฎฟอรั่ม
Bookmarks