พระอริยสงฆ์ก็ตาม พระอริยบุคคลก็ตามท่านเป็นที่ใจ


ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ

ใจที่เป็นจริง มิใช่คิดเองว่าเป็นพระพุทธธรรมสูงส่งบริสุทธิ์ ต้องเป็นจริงที่จิตใจกิเลสก็ต้องหมดจริงที่จิตใจ หมดระดับไหนก็จะเป็นอริยสงฆ์ หรือพระอริยบุคคล ในระดับนั้น

“ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ” และใจนั้นหลอกใครอาจหลอกได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้

นอกเสียจากเป็นการหลงเข้าใจผิดจริงๆ และนั่นก็เป็นการเข้าใจผิดจริง ใจเป็นเครื่องรับรองพระพุทธภาษิตที่ว่า

“ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ” เช่นนั้น ใจหลงผิด ก็ผิดตามอำนาจใจไปหมด จึงควรเห็นค่าของใจตนให้มากที่สุด ถนอมรักษาให้ดีที่สุด ให้เป็นใจที่มีความงดงามที่สุด

ใจที่งดงามที่สุดคือ
ใจที่ไกลกิเลสที่สุด ไกลทั้งความโลภ ไกลทั้งความโกรธ ไกลทั้งความหลง
ไกลอย่างสิ้นเชิงเด็ดขาดจริง ไม่มีการย้อมกลับเข้าสู่จิตใจได้อีกทั้งโลภะโทสะโมหะ คือทั้งความโลภความโกรธความหลง

เช่นนี้ที่ในพระพุทธศาสนาคือคุณธรรมความเป็นพระอรพันต์นั่นก็คือพระอรหันต์ท่านก็เป็นได้ด้วยใจที่งดงามที่สุดด้วยความบริสุทธิ์ ไม่มีความเศร้าหมองแม้เล็กน้อยเพียงใดด้วยความสกปรกของความโลภ ความโกรธ ความหลง คือ กิเลส กิเลสที่มีความหมายชัดเจนว่าเครื่องทำใจให้เศร้าหมอง

ผู้นับถือพระพุทธศาสนาเป็นอันมากชื่นชมยินดีในความเป็นพระอริยสงฆ์ของท่านองค์นั้นองค์นี้ เห็นได้จากความตื่นตันภาคภูมิยินดีเป็นล้นพ้นเมื่อได้พบได้รู้จักท่านผู้ใดที่เป็นที่เชื่อถือว่าเป็นพระอริยะ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ว่าท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่ใช่เป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาเช่นเดียวกับพวกเราจำนวนมาก แต่เพราะตนเองยังไม่รู้จักคุณลักษณะอันเลิศของจิตท่านผู้เป็นพระอรหันต์เลยแม้แต่น้อย

รู้จักแต่เพียงจากได้ฟังที่พูดถึงกันเท่านั้น ก็ทำให้ไม่อาจรู้จักได้ถูกแท้ ว่าพระอริยสงฆ์ ทั้งพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ ความจริงเป็นอย่างไร คือ มีจิตใจเป็นอย่างไร เพียงแต่คาดดาตามเสียงผู้อื่นที่อาจไม่รู้จริง เหมือนกับเรานั่นเอง

จึงพึงพยายามทำใจให้ยอมคิดยอมเชื่อ ว่าใจของเราต่างหากที่เป็นพระอรหันต์เมื่อใด เมื่อนั้นเราจึงจะรู้ถูกรู้จริง ไม่ใช่ไปรู้ใจผู้อื่น ที่อาจไม่ถูก อาจผิดจากความจริงไกลลิบก็เป็นไปได้ และแทบทั้งนั้นที่ผิด การรู้ใจอื่นเป็นเรื่องยากที่สุด


ที่มา :: หนังสือแสงส่องใจ
พระราชนิพนธ์ :: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก