คมชัดลึก

พุทธสุภาษิตของหัวข้อเรื่องที่จะเขียนในวันนี้ เป็นคำง่ายๆ แต่ฟังแล้วต้องคิดตาม มีพี่ชายที่นับถือท่านหนึ่งเพิ่งไปบวชเรียนมากว่าเดือนได้ศึกษาพระธรรมอย่างเคร่งครัดและได้คัดเลือกนำมากล่าวในตอนหนึ่งขณะให้โอวาทพนักงานเกี่ยวกับหลักการทำงาน ซึ่งฉันฟังแล้วชอบจึงได้จดจำนำมาเขียน ประกอบกับได้รับหนังสือเกี่ยวกับคุณค่าแห่งชีวิตจากเพื่อน จึงขอนำบทความบางตอนที่น่าสนใจและสามารถนำไปใช้ได้เป็นอย่างดีกับชีวิตประจำวัน

ขอเริ่มต้นจากพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีตอนหนึ่งที่ว่า “การทำงานให้สำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถ 2 อย่างเป็นสำคัญ คือความสามารถในการใช้ความรู้อย่างหนึ่ง ความสามารถในการประสานความสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกอย่างหนึ่ง ทั้งสองประการนี้ต้องดำเนินคู่กันไป และจำเป็นต้องกระทำด้วยความสุจริตใจ ด้วยความคิดเห็นที่เป็นอิสระปราศจากอคติ และด้วยความถูกต้องตามเหตุตามผลด้วย จึงจะช่วยให้งานบรรลุจุดหมายและประโยชน์ที่พึงประสงค์โดยครบถ้วนแท้จริง”



แง่คิดในการมีมนุษยสัมพันธ์ คือ “สิ่งที่เราไม่ชอบ อย่ายกให้คนอื่น” เพราะความขัดแย้ง ความบาดหมาง มักเกิดขึ้นจากการที่เราให้สิ่งที่ไม่ชอบกับคนอื่น ซึ่งคนอื่นก็ไม่ชอบในสิ่งนั้นเหมือนกัน

การมองโลกในแง่ร้าย ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อและประสาทเฉื่อยชาลง ประสาทรับรู้ไม่ว่องไวเท่าที่ควร มักจะวินิจฉัยหรือตัดสินใจเหตุการณ์ต่างๆ ผิดพลาด มองไม่เห็นโอกาสที่มีมาถึง เหมือนมีอะไรมาบังตาไว้ ที่สำคัญ ยังทำให้กลายเป็นคนไม่มีเสน่ห์ ไม่น่าเข้าใกล้ เท่ากับเป็นการดึงดูดเอาความโชคร้ายเข้ามาหาตนเองตลอดเวลา เปลี่ยนท่าทีเป็นภาพตรงกันข้าม คือ การมองโลกในแง่ดีเมื่อไร ความโชคดีก็จะเข้ามาแทนที่เมื่อนั้น

สมการผกผันอันมหัศจรรย์ของชีวิต “ความอ่อนน้อมถ่อมตนจะเพิ่มคุณค่าในตัวเรา ความโอ้อวดทะนงตนจะทำลายคุณค่าที่มีอยู่ในตัวเอง คนที่มักน้อยและรู้จักพอจะรู้สึกอยู่เสมอว่าตนเองมีมากกว่าที่ต้องการ คนมักมากและไม่รู้จบจะรู้สึกตลอดเวลาถึงความอัตคัดขัดสน ความแข็งกระด้างนั้นมักพ่ายแพ้ความอ่อนโยน ความตระหนี่ถี่เหนียวจะพ่ายแพ้การให้และความจริงใจ ความสุขสบายจะได้มาด้วยการทนต่อความเหนื่อยยาก และความทุกข์ยากเป็นผลลัพธ์ของความรักสบาย”



ปัญญา ทำให้คนเข้มแข็ง เวลา ทำให้คนเชี่ยวชาญ สถานการณ์ ทำให้คนรู้จักแก้ไข การตัดสินใจ ทำให้คนรู้ถูกรู้ผิด ความคิด ทำให้คนเลิศทางปัญญา

จากหัวข้อเรื่องที่ว่า พูดจริง แต่ไม่ดี…พูดดี แต่ไม่จริง ซึ่งจะว่าไปแล้วคงไม่ดีทั้งสองประเภท แต่ตราบใดที่การประจบประแจงสอพลอนำมาซึ่งความก้าวหน้าในอนาคตการทำงาน ตราบนั้นคนที่ชอบความก้าวหน้าในลักษณะนี้จะต้องพยายามที่จะสรรหาคำพูดที่สามารถสร้างสรรค์ให้คนฟังเคลิบเคลิ้มตามไปด้วย ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง จะว่าไปแล้วเจ้านายที่ชอบลูกจ้างในลักษณะนี้มักจะเป็นคนที่หลงตัวเองเอาอย่างมากๆ ทีเดียว และ การพูดจริง แต่ไม่ดี มักจะไม่ค่อยมีคนชอบที่จะรับฟัง ที่พูดกันว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ก็จริงอยู่ แต่ในบางครั้งก็อาจจะเกิดความตายขึ้นถ้าเราพูดความจริง เพราะฉะนั้นเราควรจะตรึกตรองให้ดีก่อนพูดถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงแต่ถ้าพูดไปแล้วไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ รังแต่จะทำให้เกิดความแตกแยกเราก็ควรที่จะเก็บถ้อยเก็บคำนั้นอย่าให้ลอดเล็ดออกมา



มีสุภาษิตจีนดีๆ ที่น่าสนใจ เช่น รู้แต่ไม่พูดคือ ขุนนางที่ไม่ซื่อสัตย์ภักดี ไม่รู้แต่พูดคือ ขุนนางที่ไร้สติปัญญา, คนฉลาดที่ขาดคุณธรรม เป็นผู้นำที่ดีไม่ได้, ดูคนดี ดูที่การกระทำ ดูผู้นำ ดูที่การเสียสละ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะซึมซับสิ่งละอันพันละน้อยที่นำมาฝาก และที่โดนใจมากส่งท้ายก็คือ ความชอบ สร้างยากสูญง่าย โอกาสพบยากเสียง่าย เพราะฉะนั้นถ้าโชคดีได้พบกับโอกาสที่จะสร้างความชอบ จงอย่าปล่อยให้หลุดมือไปเพราะโอกาสนั้นอาจจะไม่กลับมาให้พบเป็นครั้งที่สอง