ปัญญาของตน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)

การเรียน การท่อง การจำ เป็นเพียงระดับหนึ่งของความสำคัญในการศึกษาพระพุทธศาสนา ปัญญายังไม่เกิดจากการเรียนและจำได้ท่องได้ สอนเขาต่อไปได้เท่านั้น

อันความรู้ที่ได้จากการเรียนการท่องจำ รวมทั้งการพูดได้สอนได้เช่นนั้น
ยังไม่ใช่ปัญญาของผู้เรียนรู้ท่องจำได้นั้น
ยังเป็นเพียงการยกปัญญาของท่านผู้อื่นมาพูดมาสอนเท่านั้น

แน่ๆ คือเป็นพระปัญญาของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
และอาจเป็นปัญญาของพระอริยบุคคลที่ได้ยินได้ฟังมาจากท่าน และจดจำไว้แสดงต่อเท่านั้น

จะเป็นปัญญาของเราแต่ละคนก็ต้องหมายความว่า เราเรียนรู้จากการฟังการอ่านข้อเขียนของท่านผู้นั้นผู้นี้ จนเข้าถึงใจแม้พอสมควร นั่นจึงจะเป็นปัญญาของเราผู้เรียนรู้และปฏิบัติ จนเกิดความเข้าใจหรือความรู้ด้วยตนเอง

เมื่อใดเป็นปัญญาของเรา เมื่อนั้นเราจึงจะได้ประโยชน์จากการเรียนธัมมะ
จะพูดถึงส่วนที่เป็นปัญญาคือความรู้ของเราได้อย่างไม่ผิด
ขอฝากให้เข้าใจเรื่องความรู้และปัญญาไว้ให้ดี
ทำความเข้าใจให้ชัดเจนตั้งแต่บัดนี้
จะได้ไม่รู้ธัมมะเพียงการท่องจำ ซึ่งเป็นประโยชน์น้อย
เหมือนทำตัวเป็นหนังสือที่มีข้อเขียนสำหรับให้มีผู้เปิดอ่าน
ให้ผู้อื่นฟังบ้างให้ตัวเองรู้เรื่องบ้างเท่านั้น
เป็นประโยชน์สำหรับผู้ทำตัวเป็นเพียงหนังสือเท่านั้น

จงทำปัญญาให้เกิดจะดีกว่า ปัญญานั้นเกิดแต่การเรียนรู้แล้วคิดทำความเข้าใจให้เป็นปัญญาของตน ไม่เป็นปัญญาของท่านผู้รู้จริงทั้งหลายเท่านั้นท่องจำให้เป็นหนังสือนั้นอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้มาอ่าน แต่เป็นประโยชน์แก่ตนเองน้อยมากและอาจเป็นโทษด้วยซ้ำไป

แม้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจว่า
ตนเป็นผู้รู้ธัมมะที่สำคัญที่มีรู้น้อยคน
แล้วความทะนงใจ ยกตนข่มท่าน ข่มใครต่อใคร ก็จะตามมา
ไม่มีคุณแก่ตนเอง ทั้งยังมีโทษอย่างมาก

เรื่องนี้จึงสำคัญมาก ขอจงพยายามทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ถูกต้อง
เตือนตนเองไว้ให้สม่ำเสมอว่า
ปัญญาเกิดแต่ต้องเรียนเป็นอันดับแรก
แล้วจึงนำที่เรียนไว้นั้นไปคิดไตร่ตรองให้เกิดความเข้าใจชัดเจน
ที่เรียกว่าเกิดเป็นปัญญานั่นเอง

อย่างไรก็ตามขอให้พยายามคิดพูดทำอย่างมีสติ ทุกขณะจิตคิดพูดทำแต่ที่ดีงาม
และจำไว้ให้มั่นด้วย ว่าสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทางภาษิตไว้ว่าดังนี้

“ความรู้เกิดแก่คนพาล ก็เพียงเพื่อความฉิบหาย
มันทำสมองของเขาให้เขว ย่อมฆ่าส่วนที่ขาวของคนพวกนั้นเสีย”

พูดง่ายๆ ก็คืออย่าเป็นคนพาล เพราะมีความรู้แล้วจะได้ไม่เป็นโทษร้ายแรง





: แสงส่องใจ มาฆบูชา ๒๕๔๕
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก